TNN ส่อง 5 กลโกงชักชวน "ซื้อหุ้น" ฉุกคิดให้ดี ระวังถูกหลอก!

TNN

สังคม

ส่อง 5 กลโกงชักชวน "ซื้อหุ้น" ฉุกคิดให้ดี ระวังถูกหลอก!

ส่อง 5 กลโกงชักชวน ซื้อหุ้น ฉุกคิดให้ดี ระวังถูกหลอก!

ส่องกลโกง ชักชวน "ซื้อหุ้น" กลต. - ศปอส.ตร เตือน ฉุกคิดให้ดี ระวังถูกหลอก เปิด 5 รูปแบบชักชวนลงทุนที่มักจะมาใช้จูงใจ ชวนรู้เท่าทัน 3 เรื่อง ก่อนเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

ส่องกลโกง ชักชวน "ซื้อหุ้น" กลต. - ศปอส.ตร เตือน ฉุกคิดให้ดี ระวังถูกหลอก เปิด 5 รูปแบบชักชวนลงทุนที่มักจะมาใช้จูงใจ ชวนรู้เท่าทัน 3 เรื่อง ก่อนเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ


ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร) ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับ การเตือนภัย ระวังถูกหลอก ฉุกคิดให้ดี เมื่อถูกชักชวน ซื้อหุ้น ร่วมลงทุน โดยระบุว่า ปัจจุบันในยุคที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงโลกออนไลน์ และใช้โซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น  แต่อีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้ามาชักชวนให้ระดมทุนด้วยการโฆษณาชวนเชื่อประกาศขายหุ้นออกสื่อโซเชียลที่แพร่หลายในวงกว้างได้เหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นที่ประกาศชักชวนทางออนไลน์นั้น กลต. ชวนรู้เท่าทันการลงทุน เบื้องต้น 3 เรื่อง ดังนี้ 


1.รู้เท่าทัน เกณฑ์การขายหุ้น


กรณีเป็นบริษัทจำกัด ไม่สามารถชี้ชวนประชาชนให้ซื้อหุ้นได้ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1102* และหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทจำกัดนั้น มีมติพิเศษให้เพิ่มทุน กรรมการของบริษัทมีหน้าที่ต้องเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ถ้าผู้ถือหุ้นเดิมคนใดไม่ซื้อ ผู้ถือหุ้นเดิมจะซื้อหุ้นนั้น หรือกรรมการจะซื้อไว้เองก็ได้ จะเสนอขายให้บุคคลภายนอกไม่ได้ ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1222*


ในกรณีที่ต้องการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปในวงกว้าง จะต้องเป็นบริษัทมหาชนจำกัด (บมจ.) และต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนภายใต้ พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) คือ ต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และมีหนังสือชี้ชวนให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน


2.รู้เท่าทัน ลักษณะการชักชวนที่ต้องระวัง

หากการชักชวนให้ลงทุนด้วยการซื้อหุ้นนั้น พ่วงมากับการเสนอผลตอบแทนหรือเงินปันผลสูงเกินจริง เช่น 12% ต่อเดือน หรือ 20% ต่อเดือน และยังการันตีผลตอบแทนเพราะหากพิจารณาตามหลักความเป็นจริง แม้แต่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตราสารทุนยังให้ผลตอบแทน เฉลี่ยราว 10% ต่อปี1เท่านั้น เมื่อมีการเสนอผลตอบแทนหรือปันผลถึง 20% ต่อเดือน หรือ 240% ต่อปี ต้องฉุกคิดไว้ก่อนว่า เป็นไปได้หรือไม่ นำรายได้มาจากไหน เพราะไม่แน่ว่า อาจจะเป็นการนำรายได้จากผู้ที่มาทีหลังจ่ายให้ผู้ที่มาก่อนตามสไตล์แชร์ลูกโซ่ 

แน่นอนว่า ผู้ชักชวนจะพยายามสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการไปจดทะเบียนบริษัทไว้ก่อน โพสต์ภาพความสำเร็จหรือผลงานออกสื่อ พาตัวเข้าไปอยู่ในพื้นที่สื่อ สร้างสตอรี่ผ่านภาพให้เห็นการขยายธุรกิจ สิ่งเหล่านี้เป็นแพทเทิร์นที่เห็นได้บ่อยครั้งในการจูงใจ


5 รูปแบบชักชวนลงทุนที่มักจะมาใช้จูงใจ

-ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง เช่น 12% ต่อเดือน หรือ 20% ต่อเดือน ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้

-การันตีผลตอบแทน ซึ่งการลงทุนทั่วไปมักจะไม่สามารถการันตีให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงที่แน่นอนได้

-เร่งรัดให้ตัดสินใจ อ้างว่าจะตกขบวน เพราะใคร ๆ ก็ลงทุน 

-แอบอ้างบุคคลมีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

-ธุรกิจไม่ชัดเจน จับต้องไม่ได้ เน้นขายหุ้นระดมทุนมากกว่าการทำธุรกิจจริง

หากพบการชักชวนที่เข้าข่ายรูปแบบ 5 ข้อดังกล่าว ต้องระวังให้มากอย่าเพิ่งหลงเชื่อเด็ดขาด


3.รู้เท่าทันและช่องทางตรวจสอบ

เมื่อถูกชักชวนหรือพบเบาะแสการชักชวนประชาชนทั่วไปให้ซื้อหุ้น ขอให้ตรวจสอบรายชื่อบริษัท บุคคล และผลิตภัณฑ์ (หุ้น) ที่มาเสนอขายว่าได้รับอนุญาตหรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแล ก.ล.ต. หรือไม่ ได้ทางแอปพลิเคชัน SEC Check First หรือทาง เว็บไซต์ www.sec.or.th หากไม่พบรายชื่อ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะมาด้วยความไม่หวังดี นอกจากนี้ ยังตรวจสอบรายชื่อผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังที่หมวด Investor Alert ได้อีกทางหนึ่งด้วย และถ้าหากอ้างว่าลงทุนแล้ว จะได้รับใบหุ้นด้วย ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ใ

บหุ้นนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และมีชื่อในรายชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้นหรือไม่ เพราะเพียงได้ใบหุ้นมา ยังไม่ได้การันตีว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นแล้ว หากไม่มีรายชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้น ใบหุ้นที่ถืออยู่อาจไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมายปกป้องตนเองจากการถูกหลอก ด้วยการสังเกตและฉุกคิด เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยจากบทเรียนภัยกลโกงที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต เมื่อถูกชักชวนให้ลงทุนหรือซื้อหุ้น อย่าเพิ่งหลงเชื่อ 

#เพราะการตกขบวนไม่น่ากลัวเท่าการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ





ภาพจาก AFP

ข่าวแนะนำ