ผู้ว่าฯ กทม. ตั้งเป้า ปี 2030 ลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์
ผู้ว่าฯ กทม.ร่วมกิจกรรมเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา และปลูกต้นไม้เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก พร้อมยืนยันในการให้ความสำคัญกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้เป็นศูนย์ ในปี 2030
วันนี้ (5 มิ.ย.65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดกิจกรรมรวมพลเก็บขยะในแม่น้ำเจ้าพระยาและปลูกต้นไม้เนื่องใน "วันสิ่งแวดล้อมโลก 2565"
การจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นการกิจกรรมพร้อมกันทั่วโลก เป็นการรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวและตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ทั้งปัญหามลพิษทางอากาศ ขยะ รวมทั้งการขาดแคลนพื้นที่สีเขียวในเมือง โดยนายชัชชาติ ได้ร่วมปลูกต้นไม้บริเวณสวนหลวงพระราม 8 จำนวน 69 ต้น อาทิ ต้นมะฮอกกานี ตะเคียนทอง ขี้เหล็ก
นายชัชชาติ ระบุถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมในกรุงเทพมหานคร เป็นภารกิจที่ต้องเร่งทำ โดยจะทำให้เสร็จภายใน 4 ปีนี้ มองว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ซึ่งกรุงเทพมหานครก็จะเป็นผู้นำในการทำสิ่งแวดล้อมที่ดีส่งต่อให้ลูกหลาน มีหลายมิติที่จะต้องทำ
การจัดกิจกรรมดังกล่าว จะทำต่อเนื่อง ไม่อยากให้มองและทำแค่วันนี้ ทุกวันเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เนื่องจากไม่มีเวลาที่จะต้องเสียไปอีกแล้ว ทั้งเรื่องลดการปล่อยพลังงานที่ไม่เป็นประโยชน์ ลดการใช้พลังงานในอาคาร การจัดเก็บขยะ การดูแลลำคลองต่างๆ และการปลูกต้นไม้ ตั้งเป้าปี 2030 กทม.ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ โดยอยู่นโยบายที่ต้องเร่งผลักดัน
ส่วนเรื่องของการขนส่งจะต้องมีนโยบายผลักดันให้ประชาชนส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า รถที่มีพลังงานสะอาดมากขึ้น ที่ในส่วนของกรุงเทพฯอาจจะต้องมีการเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้นแต่อาจจะต้องไปดูในเรื่องของราคาต้นทุนอีกครั้ง
ส่วนการรณรงค์ลดการใช้พลังงานในอาคารโดยมีกฎหมายควบคุมอาคารเช่นอยู่ในการให้โบนัสและอาคารเขียว ขณะเดียวกันอนาคตกรุงเทพฯมีแผนที่จะทำการแยกขยะเพื่อลดการฝังกลบ ขยะทั้งหลายจะต้องเป็นในรูปแบบรีไซเคิลหรือกลับไปใช้ได้หมด รวมถึงน้ำเน่าน้ำเสียในคลองการบำบัดน้ำเสียที่ปล่อยลงคลองซึ่งทางตลาดกรุงเทพฯมีแนวคิดที่จะทำบ่อดักไขมันชุมชน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้น้ำเน่าเสียในคลองส่วนหนึ่งก็มาจากการปล่อยน้ำเสียลงคูคลองต่างๆ จากชุมชน จึงมีแนวคิดสร้างบ่อดักไขมัน ควบคู่กับการทำบ่อบำบัดน้ำเสียรวม และการตั้งเป้าปลูกต้นไม้ล้านต้นภายใน 4 ปี
ส่วนแผนการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหนคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า จะมีการทำโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น นักสืบฝุ่น ซึ่งจากข้อมูลที่ผ่านมาในปี 2554 ปัญหาหลักของฝุ่นมาจากรถ แต่ส่วนตัวมองว่ายังต้องมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
ทั้งนี้ มลภาวะหรือฝุ่น เบื้องต้น มีด้วยกัน 3 องค์ประกอบ มาจากรถ โรงงาน และการเผาชีวมวล หากมีข้อมูลครบจะทำให้รู้สาเหตุต้นตอที่แท้จริง มองว่า รถบรรทุกเป็นเรื่องสำคัญ โดยจะมีการนัดหารือกับกรมการขนส่งทางบก การดูแลรถที่ปล่อย PM 2.5 โดยที่ผ่านมามีการใช้มาตรการตรวจจับรถควันดำ
ส่วนตัวมองว่าเป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ซึ่งรถบรรทุกก่อสร้างเหล่านี้ สาเหตุที่ต้องวิ่งเข้ามาในกรุงเทพฯ ก็เพื่อที่จะเข้ามาก่อสร้างตามไซต์งานก่อสร้างต่างๆ และแทงค์ปูน ซึ่งกรุงเทพมหานคร ถืออำนาจการคุมใบอนุญาตก่อสร้าง ถือใบอนุญาตการคุม การประกอบกิจการแทงค์ปูน ก็ต้องมีเงื่อนไขในการควบคุมรถบรรทุกขนส่งเหล่านี้ หรือมาตรการให้หยุดการก่อสร้างชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม คงต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ แต่หากมาจากชีวมวลที่เผานอกกรุงเทพมหานคร อาจจะต้องตามไปไล่จี้ ถึงแหล่งการเผาเหล่านั้น รวมถึงโรงงานที่มีกิจการในกรุงเทพฯกว่า 1,000 แห่ง แล้วปล่อยควัน ก็ต้องมีการติดตั้งกล้องมอนิเตอร์ที่กล่องปล่อยควัน ดูว่าเกินกว่าค่าที่กำหนดไว้หรือไม่.
ภาพจาก สำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.