TNN วันนี้วันอะไร วันแห่งการดื่มน้ำ ตรงกับวันที่ 6 มิถุนายน

TNN

สังคม

วันนี้วันอะไร วันแห่งการดื่มน้ำ ตรงกับวันที่ 6 มิถุนายน

วันนี้วันอะไร วันแห่งการดื่มน้ำ ตรงกับวันที่ 6 มิถุนายน

วันแห่งการดื่มน้ำ ตรงกับวันที่ 6 มิถุนายนของทุกปี ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เห็นการดื่มน้ำที่มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกาย

วันนี้วันอะไร วันแห่งการดื่มน้ำ ตรงกับวันที่ 6 มิถุนายน

รู้หรือไม่ ทุกวันที่ 6 มิถุนายนเป็น “วันแห่งการดื่มน้ำ” 飲み水の日, Nomimizu no Hi ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยสมาคมเภสัชกรของคณะกรรมการสาธารณสุขกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เห็นการดื่มน้ำที่มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกาย และเพื่อทดสอบคุณภาพของน้ำประปาในกรุงโตเกียวเพื่อให้ได้มาตรฐานที่ดีต่อสุขภาพ


ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี

ร่างกายของแต่ละคนต้องการน้ำในนปริมาณที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถคำนวณได้โดยใช้สูตร น้ำหนัก x 2.2 x 30/2 = ปริมาณน้ำ(มล.) เช่น น้ำหนักตัว 55 x 2.2 x 30/2 = 1,815 มล.คือปริมาณที่ควรดื่มต่อวัน 

อย่างไรก็ตาม หากดื่มน้ำได้น้อยกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการก็จะส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดทำงานได้ไม่ดี ทำให้ร่างกายขับของเสียได้ยาก และเมื่อเลือดไหลเวียนไม่สะดวกก็ส่งผลให้เกิดลิ่มเลือด เลือดข้น อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ


ดื่มน้ำตอนไหนดี

ควรเริ่มดื่มหลังจากตื่นนอนในตอนเช้าประมาณ 2 แก้ว เพราะร่างกายขาดน้ำมาตลอดทั้งคืน จะได้ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือกทำงานได้เป็นปกติ หลังจากนั้นควรดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารประมาณ 1 ชม. โดยการดื่มน้ำที่ถูกวิธีไม่ใช่การดื่มทีละมากๆ แต่เป็นการค่อยๆ จิบทีละน้อยตลอด 5-10 นาที ซึ่งควรทำให้ชิน สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศอาจวางแก้วน้ำไว้ใกล้ๆ ตัว เมื่อนึกขึ้นได้ก็จิบน้ำทันที วิธีนี้จะช่วยให้ดื่มน้ำได้บ่อยและดีต่อสุขภาพ


ควรดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุ่น

หลายคนชอบดื่มน้ำเย็นเพราะทำให้รู้สึกชื่นใจ แต่การดื่มน้ำเย็นทำให้ระบบภายในของร่างกายต้องทำงานเพิ่มขึ้น ในการปรับอุณหภูมิของน้ำให้เท่ากับอุณภูมิของร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ง่ายกว่าผู้ที่ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำที่มีอุณหภูมิห้องเป็นประจำ


ทั้งนี้ น้ำที่ดีที่สุดคือน้ำเปล่าที่ผ่านการกรองอย่างสะอาดหรือผ่านการต้มสุกก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว แต่ถ้าอยากให้การดื่มน้ำเป็นเรื่องง่าย อาจจะลองใส่มะนาวฝานลงในน้ำเพื่อช่วยให้มีรสชาติ อีกทั้งมะนาวยังมีประโยชน์ในเรื่องของการดีท็อกซ์ล้างลำไส้


ที่มาข้อมูล : Marumura / www.hsri.or.th

ที่มาภาพ : AFP

ข่าวแนะนำ