TNN ทันตแพทย์เตือนผู้ปกครอง อย่าปล่อยให้ลูกกัดเล็บ ดูดนิ้ว เสี่ยงฟันผิดรูป

TNN

สังคม

ทันตแพทย์เตือนผู้ปกครอง อย่าปล่อยให้ลูกกัดเล็บ ดูดนิ้ว เสี่ยงฟันผิดรูป

ทันตแพทย์เตือนผู้ปกครอง อย่าปล่อยให้ลูกกัดเล็บ ดูดนิ้ว เสี่ยงฟันผิดรูป

กรมการแพทย์ โดยสถาบันทันตกรรมเตือนผู้ปกครอง สังเกตพฤติกรรมลูกกัดเล็บ ดูดนิ้ว เสี่ยงฟันผิดรูป ฟันซ้อนเก ควรใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากเด็กตั้งแต่มีฟันซี่แรก และพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจและรับคำแนะนำ

วันนี้ (6 พ.ค.65) นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึง การกัดเล็บ ดูดนิ้วมือของเด็ก เป็นพฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญและหมั่นใส่ใจ พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากและฟันของลูกมีผลต่อการเรียงตัวของฟัน ทำให้ฟันหน้ายื่นหรือฟันไม่สบกัน ฟันสึกมากกว่าปกติ ฟันห่างหรือมีการกลืนผิดปกติ จากการใช้ลิ้นดันฟันหน้า 

โดยการแสดงออกด้วยการดูดนิ้ว อมมือ หรือกัดเล็บ อาจเกิดจากภาวะที่เด็กมีความกังวล จึงทำเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเอง และบางพฤติกรรมอาจทำให้กลายเป็นนิสัยติดตัวลูกไปจนโต นอกจากนี้ ยังส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพและเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ไวรัสหรือเชื้อโรคที่ติดมากับซอกเล็บหรือนิ้วมือ 

ทั้งนี้ ผู้ปกครองควรนำบุตรหลานพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสุขภาพฟัน และฝึกลูกให้เป็นนิสัย เพราะการใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่วัยเด็ก จะช่วยส่งผลต่อสุขภาพในช่องปากที่ดีในอนาคตเมื่อเข้าสู่วัยทำงานหรือวัยผู้สูงอายุอีกด้วย 

ทันตแพทย์เตือนผู้ปกครอง อย่าปล่อยให้ลูกกัดเล็บ ดูดนิ้ว เสี่ยงฟันผิดรูป

ด้าน ทันตแพทย์หญิงสุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมที่เด็กดูดนิ้วมือ กัดเล็บ กัดริมฝีปาก หรือใช้ลิ้นดุนฟัน หากผู้ปกครองพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว ควรฝึกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูก เพราะอาจส่งผลต่อการเรียงตัวของฟัน

เสี่ยงต่อการเกิดฟันสึก ฟันห่าง ฟันไม่สบกัน และในระยะยาว อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการบดเคี้ยวได้ โดยหากพบว่าลูกมีฟันที่ล้มเอียง ผิดรูปทรง ควรได้รับการรักษาทางทันตกรรมเพื่อแก้ไขความผิดปกติที่เกิดขึ้น

การดูแลสุขภาพช่องปาก ควรดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่ระยะฟันน้ำนม เพราะจะช่วยให้ฟันแท้ขึ้นในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่มีปัญหาการบดเคี้ยว สามารถออกเสียงได้ชัดเจน  ซึ่งหากเกิดปัญหา หรือมีการสูญเสียฟันน้ำนมไปก่อนกำหนด อาจทำให้ฟันแท้ซ้อนเก หรือขึ้นไม่ได้จนกลายเป็นฟันฝังได้  

ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานมาพบทันตแพทย์ตั้งแต่อายุ 6 เดือน หรือเมื่อมีฟันน้ำนมขึ้นซี่แรก เพื่อรับคำแนะนำในการแปรงฟัน การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธี  การปรับพฤติกรรมการบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ และตรวจสุขภาพฟัน  

ทั้งนี้ ควรเริ่มแปรงฟันทันทีเมื่อเด็กมีฟันน้ำนมขึ้นซี่แรก อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม ขนละเอียด หัวแปรงต้องมีขนาดพอดีกับช่องปากเด็กและใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์1,000 ppm ในปริมาณที่เหมาะสมในเด็กแต่ละช่วงอายุ และที่สำคัญควรพาบุตรหลานไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันเป็นประจำทุก 3-6 เดือน.


ข้อมูลจาก กรมการแพทย์

ภาพจาก แฟ้มภาพ AFP

ข่าวแนะนำ