ไปรษณีย์ไทยตรึงราคาค่าบริการจดหมายในประเทศ 3 บาทถึงสิ้นปี 67
ไปรษณีย์ไทยได้รับการอนุมัติปรับอัตราค่าบริการไปรษณียภัณฑ์ ให้สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจ ยังคงอัตราค่าบริการพิกัดแรกน้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม 3 บาท เช่นเดิม ถึงสิ้นปี 67
วันนี้ (27 เม.ย.65) นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท เปิดเผยว่า ตามที่มีมติในที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและเห็นชอบการปรับอัตราค่าบริการไปรษณียภัณฑ์ ตามร่างกฎกระทรวงกำหนด อัตราไปรษณียากรนั้น ถือเป็นการปรับอัตราค่าบริการครั้งแรกในรอบ 18 ปี ของการดำเนินงานของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นเพียงการขึ้นราคาเฉพาะการส่งจดหมายและเอกสารสำคัญ และจะปรับเฉพาะบริการจดหมายในประเทศเท่านั้น
โดยอัตราค่าบริการพิกัดแรก น้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม ซึ่งเป็นพิกัดน้ำหนักที่ประชาชนส่วนใหญ่ ใช้บริการ ยังคงไว้ที่ 3 บาทเช่นเดิม จนถึงปี 2567
ส่วนจดหมาย ประเภทหีบห่อ มีอัตราค่าบริการในพิกัดน้ำหนักแรก 30 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม และมีอัตราค่าบริการสูงสุด 55 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักเกิน 1,000 กรัม แต่ไม่เกิน 2,000 กรัม
หลังจากนั้นในปี 2568 จดหมายประเภทซองน้ำหนักไม่เกิน 10 กรัม จะปรับอัตโนมัติเพิ่มเป็น 4 บาท และมีอัตราค่าบริการสูงสุด 62 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักเกิน 1,000 กรัม แต่ไม่เกิน 2,000 กรัม
ส่วนจดหมายประเภทหีบห่อ จะปรับอัตโนมัติโดยมีอัตราค่าบริการในพิกัดน้ำหนักแรก 34 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม และมีอัตราค่าบริการสูงสุด 62 บาท สำหรับพิกัดน้ำหนักเกิน 1,000 กรัม แต่ไม่เกิน 2,000 กรัม
นอกจากนี้ เพื่อให้การส่งจดหมายและเอกสารสำคัญเกิดประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ไปรษณีย์ไทย ได้พัฒนาบริการรองรับ และเป็นทางเลือก คือ การจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร เพิ่มช่องทางการส่งเอกสารที่สะดวกรวดเร็วขึ้น การเป็นตัวกลางในการรับ-ส่งข้อมูลระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน การประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ ให้กับเอกสารสำคัญของหน่วยงาน หรือ องค์กร เพื่อให้สามารถยืนยันได้ว่าเอกสารนั้นเป็นตัวจริง โดยเป็นระบบ ที่มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน รองรับการจัดการเอกสารในยุคดิจิทัล
ภาพจาก TNN ONLINE