เปิดเทคนิคแก้ไขหาก “รถยางแตก” ขณะเดินทางช่วงสงกรานต์ต้องทำอย่างไร?
เปิดวิธีการแก้ไขหาก “รถยางแตก”ขณะเดินทางในช่วงสงกรานต์ ต้องทำอย่างไรหากติดอยู่ในจังหวัดที่ไม่คุ้นเคย ไร้ช่างจัดการให้ทันที
วันนี้ ( 11 เม.ย. 65 )สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบกเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ หากเดินทางช่วงสงกรานต์และเกิดเหตุการณ์รถยางรั่ว แบน หรือยางแตกระหว่างทาง การจะเรียกหาช่างมาช่วยจัดการให้ในทันทีไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ยิ่งถ้าอยู่ต่างจังหวัดหรือในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้นควรจะ มีอุปกรณ์พร้อมติดรถไว้เสมอ ยางอะไหล่ที่ใช้งานได้, แม่แรงแบบพกพา, ประแจ การเปลี่ยนยางอะไหล่รถด้วยตัวเองก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.จอดรถหลบไหล่ทาง โดยควรจอดบนพื้นราบ รถไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง หากเป็นเกียร์อัตโนมัติ ให้เข้าโหมด P และดึงเบรกมือ ส่วนเกียร์ธรรมดาให้เข้าเกียร์ 1 หรือเกียร์ถอยหลัง และดึงเบรกมือเช่นกัน อาจหาก้อนอิฐ ก้อนหิน มาขัดไว้ที่ล้อเพื่อความปลอดภัยกันรถลื่นไหล
2.เปิดไฟฉุกเฉิน ตั้งป้ายแจ้งเตือนฉุกเฉิน หรือนำกิ่งไม้หรือผ้าผูกให้สัญลักษณ์ทั้งด้านหน้าและหลังรถ เพื่อเตือนรถที่ขับมาในระยะไกลเห็นว่ามีรถจอดเสียอยู่ ช่วยให้รถคันอื่นชะลอความเร็วลง ป้องกันอุบัติเหตุ
3.เริ่มเปลี่ยนยาง โดยสอดแม่แรงใกล้กับล้อที่จะเปลี่ยน ยังไม่ต้องยกรถขึ้น ตำแหน่งที่สอดควรเป็นโลหะ และต้องวางตั้งฉากกับพื้น ระวังอย่าสอดแม่แรงใต้จุดที่เป็นพลาสติกขึ้นรูป เพราะจะทำให้พลาสติกแตกเสียหาย รถบางรุ่นจะมีรูเล็กๆ ข้างล้อสำหรับสอดแม่แรง
4.เปิดฝาดุมล้อ และคลายน็อตพอหลวมๆ โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยังไม่ต้องนำน็อตออก หลังจากนั้น ยกแม่แรงขึ้น ให้ล้อรถยกลอยเหนือพื้นเพียงพอที่จะเปลี่ยนยาง จึงค่อยขันน็อตที่คลายไว้ก่อนหน้าออกทั้งหมด พร้อมถอดล้อเก่าออก และนำล้อยางอะไหล่มาเปลี่ยนพร้อมขันน็อตให้แน่น โดยหมุนตามเข็มนาฬิกา
5.ลดระดับแม่แรง โดยให้ล้อเป็นตัวรับน้ำหนักรถ พร้อมนำแม่แรงออก และใส่ฝาครอบดุมล้อให้เรียบร้อย
ข้อควรต้องระวัง
– ควรใช้ยางอะไหล่เพื่อประคองการขับขี่ในระยะใกล้ ขณะใช้ยางอะไหล่ ไม่ควรขับรถด้วยความเร็ว เพราะยางอะไหล่ที่ไม่ได้ใช้งานนาน อาจส่งผลต่อการเบรกได้ และสมดุลของรถได้
– ไม่ควรนำยางอะไหล่มาใช้ทดแทนยางเส้นเดิมแบบถาวร
ผู้ขับรถควรลองฝึกเปลี่ยนยางเพื่อให้มีความเคยชินกับอุปกรณ์และขั้นตอนต่างๆ จะทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วมากขึ้น และก่อนเดินทางทุกครั้งควรตรวจสอบสภาพรถ สภาพยาง และอุปกรณ์ที่จำเป็นในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัย
ข้อมูลจาก : สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก
ภาพจาก : AFP