ตร.เตือน! เลขลับเฉพาะวงในงวด 1 เม.ย. ไม่มีจริง-ระวังถูกหลอก
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนข่าวปลอม มิจฉาชีพส่งจดหมายหลอกลวงหรือแอบอ้างผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียว่าสามารถให้ตัวเลขที่ถูกรางวัลได้ พบข้อมูลเป็นเท็จ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ
กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลประเด็นเรื่องสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เผยเลขลับเฉพาะ งวดวันที่ 1 เม.ย. 65 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการคลัง พบว่าข้อมูลที่ปรากฏดังกล่าว เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในเฟซบุ๊กโดยระบุว่า เลขลับเฉพาะวงใน 1 เมษายน 2565 ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่ามีการนำตราสัญลักษณ์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต โดยการออกรางวัลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 ที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกขั้นตอน และไม่มีผู้ใดสามารถทราบผลรางวัลล่วงหน้าได้ ซึ่งพฤติกรรมการส่งข้อมูลว่าสามารถให้เลขที่ถูกรางวัลได้นั้นไม่เป็นความจริง จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพที่ส่งจดหมายหลอกลวงหรือแอบอ้างผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียว่าสามารถให้ตัวเลขที่ถูกรางวัลได้ ทั้งนี้สำนักงานฯ ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.glo.or.th หรือโทร. 02 5289999
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : มีการนำตราสัญลักษณ์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต โดยการออกรางวัลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 ที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกขั้นตอน และไม่มีผู้ใดสามารถทราบผลรางวัลล่วงหน้าได้
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการคลัง
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”