โผล่อีกเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อ้างตำรวจข่มขู่รีดเงินกว่าล้านบาท
ผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซนเตอร์อ้างเป็นตำรวจถูกหลอกรายวัน เหยื่อเปิดขั้นตอนถูกข่มขู่ ก่อนหลงเชื่อโอนเงินหมดบัญชีกว่าล้านบาท
น.ส.เน อายุ 32 ปี ผู้เสียหาย เดินทางเข้าร้องเรียน กับนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยระบุว่า ระหว่างที่ตนเองทำงาน WFH อยู่กับบ้าน ก็ได้มีผู้โทรศัพท์เข้ามา โดยอ้างเป็นบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง และขอแอดไลน์ ระบุโปรไฟล์ว่า มาจากสถานีตำรวจภูธร อ.เมือง เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบคดีฟอกเงิน ซึ่งผู้เสียหายมีชื่อไปเกี่ยวพันกับแก๊งยาเสพติดที่ส่งพัสดุยาไปต่างประเทศ โดยมีชื่อเป็นผู้รับบัญชีฟอกเงินของขบวนการ
โดยคนร้ายขอหมายเลขบัญชี และจำนวนเงินไปตรวจสอบ ซึ่งคนร้ายได้ขอให้ผู้เสียหายเปิดกล้องคุยระหว่างสอบสวน เพื่อจะได้ตรวจสอบว่าใช่คนเดียวกันกับคนที่ไปส่งพัสดุที่ จ.เชียงใหม่หรือไม่ เมื่อผู้เสียหายยอมเปิดกล้อง คนร้ายก็ข่มขู่ให้นั่งอยู่ในห้องคนเดียว ห้ามลุกไปไหน เพราะจะบันทึกภาพและเสียงระหว่างสอบสวน ขณะที่ผู้เสียหายก็ขอให้คนร้ายที่อ้างเป็นตำรวจเปิดกล้องด้วย แต่คนร้ายอ้างว่าเป็นตำรวจจะทำให้คนร้ายจำหน้าได้ จะกระทบต่อหน้าที่การงาน ด้วยความหลงเชื่อว่า คนร้ายที่โทรมาเป็นตำรวจจริง จึงโอนเงินไปหมดบัญชีทั้งหมด 1,098,000 บาท
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตทัลเศรษฐกิจและสังคม รับปากว่าจะติดตามจับคนร้ายให้ได้ เพราะนายกรัฐมนตรี สั่งให้กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นต์เตอร์ให้หมด จากการไปประสานให้ทางการกัมพูชาจับกุมให้เมื่อปลายปีที่แล้ว พบว่าจับได้เพียงบางส่วน แต่ยังจับตัวการใหญ่ไม่ได้
ขณะนี้จะต้องประสานงานในการติดตามจับกุมคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต่อเนื่อง และประสานแอปพลิเคชั่นไลน์ไทยแลนด์ ในการให้ข้อมูล ในการติดตามจับกุมคนร้ายอีกทางหนึ่ง
โดยมีผู้เสียหายรวมตัวกันจำนวน 98 คน ได้ทำจดหมายเปิดผนึก ว่าคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทำเป็นขบวนการ อีกทั้งคนร้ายทราบถึงวิธีการทำงานของตำรวจ ที่แยกส่วนแต่ละหน่วยงาน และพนักงานสอบสวนของโรงพัก อ้างถึงความยุ่งยากซับซ้อน ส่งผลให้การรับจ้างเปิดบัญชี และคนร้ายเหิมเกริมขึ้นทุกวัน จึงร้องขอให้มีการบูรณาการทำงานให้รวดเร็วขึ้น
ข้อมูล ภาพ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม