นายกฯ แจงปีหน้าเตรียมซื้อวัคซีนโควิด-19 อีก 65 ล้านโดส
นายกฯ แจงปีหน้าเตรียมซื้อวัคซีนโควิด-19 อีก 65 ล้านโดส ย้ำจะดำเนินการให้สอดคล้องกับการวิจัยและพัฒนาวัคซีนที่เกิดขึ้นใหม่ ยืนยันไทยดูแลเยียวยาประชานดีที่สุดเป็นประเทศอันดับ 2 ในเอเปค
วันนี้ (16 พ.ย.64) เวลา 13.15 น. ณ ห้องประชุมโภคีธารา โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ในปีหน้าว่า ขณะนี้ได้ทำสัญญาแล้วที่จะมีการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 จำนวน 65 ล้านโดส โดยจะพิจารณาถึงสถานการณ์เกี่ยกับการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนชนิดใหม่ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศแล้ว เช่นทั้งแบบพ่นจมูก เพื่อนำมาพิจารณาประกอบการดำเนินการในเรื่องวัคซีนของประเทศไทยให้เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าประเทศไทยทำได้ดี
ทั้งนี้ ไทยจัดสรรงบประมาณในการดูแลเยียวยาประชน สูงเป็นอันดับที่ 2 ในเอเปค รองจากประเทศชิลี โดยใช้งบประมาณไปถึง 25% ของ GDP ในการดูแลเยียวยาฟื้นฟูประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งการจัดสรรงบประมาณในการดูประชาชนดังกล่าวเป็นความห่วงใยของรัฐบาลอย่างแท้จริง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและให้ประชาชนผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความห่วงใยและกังวลต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อประชาชนในขณะนี้ ทั้งเรื่องของหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ รวมถึงราคาน้ำมัน โดยต้องการเกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น ซึ่งได้ให้นโยบายในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปอีกครั้งในเรื่องของการปรับโครงสร้างการเกษตรให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการหาแนวทางในการที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง และค่าเช่าที่นาเป็นไปตามกฎหมาย สำหรับการที่ดำเนินโครงการในเรื่องของการประกันราคาข้าวที่ทำมานานนั้นแม้จะเกิดประโยชน์แต่ก็เป็นภาระแทนที่จะทำให้เข้มแข็งแต่ก็ไม่เข้มแข็งอย่างที่ต้องการ ดังนั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหาวิธีการปฏิบัติใหม่ดำเนินการทั้งระบบตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ไปจนถึงปลายทางด้วย
ข้อมูลจาก เว็บรัฐบาล
ภาพจา เว็บรัฐบาล/AFP