รัฐสภาเห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 เปลี่ยนระบบเลือกตั้งกลับไปใช้บัตร 2 ใบ
ที่ประชุมรัฐสภา มีมติเสียงข้างมาก แก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 เปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้ง จากการใช้บัตรใบเดียว กลับไปใช้บัตร 2 ใบ
ภาพจากแฟ้ม
วันนี้ (10 ก.ย.64) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมร่วมรัฐสภา ส.ส.-ส.ว. โดยมีวาระสำคัญในการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระที่ 3 ในการเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งจากการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว กลับไปใช้ระบบบัตร 2 ใบ ซึ่งการลงมติของ ส.ส. และ ส.ว.ในวันนี้ จะเป็นไปอย่างเปิดเผย ขานรายชื่อ ซึ่งมติที่จะผ่านความเห็นชอบนั้น จะต้องมากกว่ากึ่งหนึ่งของรัฐสภา หรือมากกว่า 365 เสียง
โดยเสียงดังกล่าว จะต้องมี ส.ส.ที่สังกัดพรรคการเมือง ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และประธานหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยมากกว่า 49 คน และจะต้องมี ส.ว.เห็นชอบด้วย 84 เสียงขึ้นไป ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงจะผ่านความเห็นชอบไปได้
ทั้งนี้ ผลการลงคะแนน ปรากฏว่าที่ประชุมรัฐสภามีมติ เห็นชอบ 472 คน เป็น ส.ส.จำนวน 323 คน และ ส.ว.จำนวน 149 คน ไม่เห็นชอบ 33 คน เป็น ส.ส.จำนวน 23 คน และ ส.ว.จำนวน 10 คน งดออกเสียง 187 คน เป็น ส.ส.จำนวน 121 คน และ ส.ว.จำนวน 66 คน
สำหรับขั้นตอนต่อไป ภายหลังรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว ประธานรัฐสภา จะได้ส่งร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 พุทธศักราช 2654 ให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ นั้น จะต้องเว้นระยะเวลาไว้ 15 วัน ซึ่งในระหว่างนี้ หาก ส.ส. และ ส.ว. เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือมีประเด็นที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สามารถเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 เพื่อเสนอความเห็นต่อประธานรัฐสภา หรือประธานสภาที่ตนสังกัด ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งหากเกิดกรณีดังกล่าวระหว่างนี้ นายกรัฐมนตรี จะยังไม่สามารถนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น