"นิด้าโพล" เผย "นักการเมือง" รั้งท้ายสุด กลุ่มอาชีพที่ควรฉีดวัคซีนโควิด
นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจประชาชนถึงการกระจายวัคซีน พบว่า กลุ่มอาชีพที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิดมากสุด คือ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และพบว่า กลุ่มนักการเมือง ควรเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับการฉีดวัคซีน
วันนี้ (21 ก.พ.64) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน ประเด็น “ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ใครก่อนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15 – 17 กุมภาพันธ์ 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,318 หน่วยตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงจังหวัดที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 56.90 ระบุว่า จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดมากในรอบที่ 2 ที่ผ่านมา รองลงมา ร้อยละ 16.77 ระบุว่า เริ่มทุกจังหวัดพร้อม ๆ กัน ร้อยละ 10.70 จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ร้อยละ 10.39 จังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนทั้งหมด และร้อยละ 5.24 ระบุว่า จังหวัดที่มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมสูง
ขณะที่กลุ่มอายุที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.01 ระบุว่า กลุ่มวัยทำงาน ตั้งแต่ 20 – 59 ปี รองลงมา ร้อยละ 37.10 กลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป) ร้อยละ 15.10 ควรเริ่มทุกกลุ่มอายุพร้อม ๆ กัน และร้อยละ 9.79 กลุ่มเด็กและเยาวชนที่อายุไม่เกิน 20 ปี
ส่วนกลุ่มอาชีพที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นกลุ่มเป้าหมายแรก พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.48 ควรเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ การสาธารณสุข รองลงมา ร้อยละ 14.41 กลุ่มผู้รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 8.87 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ร้อยละ 7.59 ควรเริ่มทุกกลุ่มอาชีพพร้อม ๆ กัน ร้อยละ 5.29 ร กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านการเดินทางและขนส่งทุกชนิด ร้อยละ 4.93 ระบุว่าเป็น กลุ่มนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 0.48 พบว่ากลุ่มนักการเมืองเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ควรได้รับวัคซีน
พร้อมกันนี้ มองว่าการบังคับชาวต่างชาติ รับวัคซีน พบว่าร้อยละ 44.54 ควรบังคับชาวต่างชาติทุกคนให้ฉีดวัคซีน รองลงมา ร้อยละ 28.22 ควรเป็นไปตามความสมัครใจในการฉีดวัคซีน ร้อยละ 26.25 ควรบังคับเฉพาะชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงให้ฉีดวัคซีน
สุดท้ายความคิดเห็นของประชาชนต่อการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ให้กับชาวต่างชาติในประเทศไทย ส่วนใหญ่ ร้อยละ 38.92 ชาวต่างชาติทุกคนต้องเสียเงินในการฉีดวัคซีนเอง รองลงมา ร้อยละ 31.72 ชาวต่างชาติที่เสียภาษีถูกต้องเท่านั้นที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนฟรี ร้อยละ 25.72 ระบุว่า ชาวต่างชาติทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนฟรี และร้อยละ 0.68 ชาวต่างชาติกับรัฐบาลจ่ายคนละครึ่ง