สภาฯ ถกงบ'68 วันที่สอง สส.ภูมิใจไทย ตัดงบ ก.เกษตรฯ 5% เหตุแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรไม่คืบ

เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระ 2 นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา เขต 7 พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในมาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานในกํากับ ที่ตั้งงบประมาณไว้ 56,297 ล้านบาท ขอปรับลด 5% โดยปัญหาเกษตรกรไทยในอดีตคือ 1. ขาดความรู้ 2.ขาดแหล่งเงินทุน 3.ขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ 4.ภัยธรรมชาติ 5. ถูกพ่อค้าคนกลางกดราคา ปัจจุบันรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ แก้ปัญหาข้างต้นไปมากแล้ว แต่ยังมีคําถามอยู่ในใจตลอดมาคือ 1. รัฐบาลลืมเกษตรกรรากหญ้าแล้วหรือยัง 2.โครงการเมกะโปรเจกต์ด้านเกษตรแทบจะไม่มี 3.แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับเกษตรกรทุกปี และไม่ปลื้มที่มาของแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เมื่อไปศึกษายุทธศาสตร์ ปี 2560 - 2580 ในด้านการเกษตรเขียนไว้ละเอียดยิบ เรามีเกษตรกรภาคเกษตรในวันนี้ 24 ล้านคนเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศเขียนไว้ดีมาก ฝากไปยังรัฐบาลใหม่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ คนใหม่และเจ้าหน้าที่ว่าในอนาคตการจัดทํางบประมาณปี 2569 อย่าอ้างยุทธศาสตร์อย่างเดียว แต่ให้ลงลงในรายละเอียดจะสามารถจะแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรได้

นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า อยากจะสะท้อนให้เห็นสินค้าเกษตร 3 ตัว โดยเฉพาะเรื่องข้าวในเดือนมกราคมถึงเมษายน  ส่งออกข้าวไป 70,158 ล้านบาทเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนยางพารา 35,377 ล้านบาท ขณะที่ทุเรียน 45,780 ล้านบาทแซงยางพารา ตนเคยถามอธิบดีกรมการข้าวว่าทําไมไทยแพ้เวียดนาม อธิบดีตอบว่าไทยไม่แพ้เวียดนามซักเรื่อง ข้าวอร่อย คุณภาพดี งานวิจัยสุดยอด และพันธุ์ข้าวดีที่สุด แต่มีเอกชนนำข้าวไปประกวดโดยไม่ได้ผ่านกรมการข้าวแล้วแพ้เวียดนาม ทำให้มีข้าวเวียดนามวางขายทั่วโลก ตรงนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร 

ส่วนเรื่องยาง ในปี 57 พี่น้องเกษตรกรไปเรียกร้องราคา 120 บาท แต่รัฐบาลให้แค่ 95 บาท ตั้งแต่ปี 57- 67 ชาวสวนยางเงินหายจากกระเป๋าวันละ 70 บาท 100 บาทเหลือ 30 บาท เป็นเวลา 10 ปี ความมั่งคั่ง ร่ำรวยหายเพราะฉะนั้นกระทรวงเกษตรฯ การยางแห่งประเทศไทยต้องไปแก้ยุทธศาสตร์ เรื่องยางไทยน่าจะเป็นอันดับหนึ่งในการส่งออก ในการวิจัยพันธุ์ยาง   ขณะที่ทุเรียน 4 เดือนแรกส่งออก 40,000 กว่าล้านบาท กระทรวงเกษตรฯ เห็นหรือไม่ว่านี่คือช่องทางใหม่ที่จะสร้างรายได้ให้กับไทย ปรากฏว่าต้นฤดูกาลเดือนมีนาคม ทุเรียนภาคตะวันออก 250 บาท ต่อมาเป็นทุเรียนปราจีนบุรี เหลือ 200 บาท ขยับจากทุเรียนปราจีนบุรีเป็นทุเรียนชุมพรเหลือ 180 บาท ทุเรียนสงขลาเหลือ 80 บาท ต่อไปเป็นทุเรียนยะลาขึ้นมาที่ 200 บาท ทุเรียนเบตง 250 ฝากกระทรวงเกษตรกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร นี่คือสินค้าดาวรุ่งวันนี้มีปัญหาเรื่องแคชเมียมที่ประเทศจีนมีใครออกมาพูดบ้าง ปล่อยให้เกษตรกรช้ำใจว่าปลูกไปจะมีปัญหา กระทรวงเกษตรจะทําอย่างไร วันนี้ตัดแค่ 5% ถือว่าน้อยไป แต่สิ่งที่อยากจะฝากก็คือเกษตรคือหัวใจหลักของประเทศ เกษตรก็คือพี่น้องประชาชนในภาคแรงงาน สร้างรายได้ ความยิ่งใหญ่ของประเทศก็คือภาคเกษตร

/////////