"เงินดิจิทัล" พร้อมเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้
บอร์ดดิจิทัลชุดใหญ่ ถอยยืมเงิน ธ.ก.ส. หันใช้งบ ปี 67-68 วงเงิน 4.5 แสนล้าน ดันโครงการ Digital Wallet ตัดสิทธิกลุ่มคนเคยทำผิดเงื่อนไขโครงการรัฐในอดีต ด้านนายกฯ เน้นย้ำป้องไม่ให้เกิดการทุจริตในโครงการ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 4/2567 ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาถึงรายละเอียดของโครงการเพื่อให้มีความกระจ่างขึ้น อาทิ ประเภทสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยตนมอบหมายให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้แถลงรายละเอียด รวมถึงเรื่องแอปพลิเคชั่น ด้วย
ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่ตอกย้ำในเรื่องความชัดเจน และการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ มี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุมด้วยเนื่องจากเป็นคณะกรรมการ
ทั้งนี้ที่ประชุมมีการหารือถึงมาตรการป้องกันมิจฉาชีพแอบอ้างหลอกลวงประชาชนหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวแอบอ้างการลงทะเบียน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มี เพราะไม่ได้เป็นความจริง และขอให้คอยฟังประกาศจากรัฐบาลอย่างเดียวดีกว่า
ส่วนแหล่งเงินในโครงการตอนนี้มีความชัดเจนหรือยัง รวมถึงได้ทักท้วงกระทรวงการคลังหรือไม่ ถึงความไม่ชัดเจนต่อประเด็นดังกล่าว ทำไมถึงไม่ใช่งบ ธ.ก.ส.และเลือกใช้เงินงบประมาณ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวจะมีการชี้แจง
เมื่อถามย้ำว่า ขอให้นายกฯพูดถึงประเด็นดังกล่าวในฐานะผู้นำ นายกฯ ในช่วงแรกปฏิเสธตอบคำถาม ก่อนตอบสั้นๆว่า “เรียนไปเรียบร้อยแล้วครับ แจ้งไปเรียบร้อยแล้ว” โดยสามารถเปิดลงทะเบียนได้ 1 ส.ค.นี้
ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ว่า มีการหารือถึงโครงสร้างแหล่งเงินใหม่ เนื่องจาก มีข้อห่วงใยจากหน่วยงานที่ตรวจสอบเรื่องแหล่งที่มาของเงิน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีการลดขนาดโครงการ ยังเป็น 50 ล้านคนเหมือนเดิม แต่จากการย้อนดูผู้ลงทะเบียนในโครงการของรัฐที่ผ่านมา ไม่เคยมีประชาชนลงทะเบียนไม่เกิน 90% การตั้งงบประมาณที่พอเหมาะจึงเป็นแนวทางที่หน่วยงานตรวจสอบเคยให้ไว้ จึงมีการตั้งงบประมาณอยู่ที่ 450,000 ล้านบาท แต่ย้ำว่าขนาดของโครงการยังครอบคลุม 50 ล้านคน หากมีคนลงทะเบียนมากกว่าหรือน้อยกว่าก็จะใช้กลไกในการบริหารงบประมาณเพื่อให้งบประมาณเพียงพอ
ขณะเดียวกันเมื่อดูถึงความจำเป็นที่มีการเตรียมงบประมาณไว้น้อยลง และข้อห่วงใยในมาตรา 28 ตามพ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ ประกอบกับใกล้จะสิ้นปีงบประมาณ 2567 กระทรวงการคลังและ สำนักงบประมาณจึงหารือกัน เพื่อนำเสนอโครงสร้างกรอบเงินใหม่ โดยไม่ใช้งบประมาณในมาตรา 28 เนื่องจากงบประมาณเพราะงบประมาณ ปี 67 และ ปี 68 เพียงพอ
โดยปี 2567 เป็นงบประมาณเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท จะเข้าที่ประชุมสภาในวันพรุ่งนี้ และงบประมาณในการบริหารจัดการทางการคลัง อีก 43,000 ล้านบาท แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่งบกลาง แต่เป็นการบริหารจัดการทางงบประมาณ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นงบกลางได้
ส่วนงบประมาณในปี 2568 จำนวน 152,000 ล้านบาท และงบประมาณในการบริหารจัดการทางการการคลัง 132,000 ล้านบาท ยังเป็นตัวเลขเดิม
ส่วน จำเป็นจะต้องยื่นขอ พรบ.งบกลางปี 2568 เพิ่มหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นการบริหารจัดการงบประมาณ จะเป็นไปได้หรือไม่นั้นก็เป็นไปได้ แต่ยังไม่ได้อยู่ในแผน หากสามารถบริหารจัดการได้ในกรอบ งบประมาณที่ผูกพันไม่ทันหรือใช้ไม่สำเร็จ เพราะมีหลายกลไกที่สามารถดำเนินการได้
ขณะที่การเปิดลงทะเบียนและปิดลงทะเบียน จะมีการชี้แจงความชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ โดยในที่ประชุมวันนี้ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับดิจิทัลวอลเล็ต ไปกำหนดวันเริ่มและวันปิดอีกครั้งซึ่งขณะนี้พอเห็นภาพแล้ว ส่วนตัวระบบขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ พร้อมย้ำว่าวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้จะมีความชัดเจนทุกเรื่อง
สำหรับความเห็นของแบงค์ชาติในที่ประชุมวันนี้ มองว่าการดำเนินโครงการจะต้องมีความปลอดภัยและมั่นคง นำเสนอซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบนำเสนอ ไปแล้วโดยไม่ได้มีการให้ความเห็นเพิ่มเติม แต่จะต้องให้เวลาช่วงหนึ่ง เพื่อให้แบงค์ชาติเข้ามาตรวจสอบระบบความปลอดภัย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน และความปลอดภัยสูงสุด แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะเป็นธนาคารกรุงไทยหรือไม่ที่จะเป็นผู้พัฒนาระบบหลังบ้าน แต่ในส่วนของรัฐบาลจะเป็นแอพพลิเคชั่น ในการตรวจสอบสิทธิ์ และยืนยันตัวตน
ส่วนที่มีเคยระบุว่า โครงการดิจิทัล Wallet จะเป็นพายุหมุนลูกใหญ่ทางเศรษฐกิจ แต่มีการดึงงบประมาณปี 2568 มาใช้ จะกลายเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้อย่างไร เพราะ เป็นส่วนหนึ่งในงบประมาณอยู่แล้ว นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า “ถูกต้อง” แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามกรอบกรอบของกฎหมาย พร้อมชี้แจงว่างบขาดดุลของปีปี 2567 ที่ไม่ได้นำไปใช้ในโครงการอื่นก็จะถูกมาปรับใช้ในโครงการอื่น รวมถึงโครงการดิจิทัล Wallet ซึ่งการเติมเงินให้ประชาชนใช้เงินสามารถหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเศรษฐกิจได้มากกว่า พร้อมยืนยันว่ายังคงเป็นพายุหมุนอยู่
ส่วนเรื่องการจัดรายการสินค้า negative list เป็นไปตามที่มีการนำเสนอ ให้พิจารณาถึงความยืดหยุ่นโดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้พิจารณา ก่อนจะนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอีกครั้ง เช่น พวกพวกอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ยังไม่มีการหารือกัน เป็นต้น
ขณะที่คุณสมบัติผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการ ที่เคยกระทำผิดเงื่อนไขในโครงการของรัฐ และถูกฟ้องร้องเรียกเงินคืนในอดีต นั้น มีความจำเป็นต้องตัดออก ซึ่งมีอยู่หลายหมื่นราย ทั้งที่เป็นร้านค้าและตัวบุคคล
ส่วนไทม์ไลน์หลังจากนี้ นายจุลพันธ์ ระบุว่าจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า (23 ก.ค.) ก่อนจะแถลงใหญ่ในเรื่องกรอบระยะเวลา หรือวันที่ 24 ที่ทำเนียบรัฐบาล
ข่าวแนะนำ