"เผ่าภูมิ" ย้ำไทม์ไลน์แจกเงินดิจิทัล ไตรมาส 4 ปีนี้
" เผ่าภูมิ" เผย 10 ก.ค.นี้ จะประชุมคณะอนุกรรมการกำกับเงินดิจิทัลเพื่อสรุปเงื่อนไขทั้งหมด พร้อมเข้าสู่คณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน 15 ก.ค.
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงความคืบหน้าเรื่องการนำเรื่องการใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ไปดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต โดยจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ว่า การส่งต้องส่งเป็นแพ็คเกจ ซึ่งทุกเงื่อนไขจะต้องมีความชัดเจนแล้ว ต้องส่งเป็นก้อนและตีความเป็นก้อนไม่สามารถส่งไปถามลอย ๆ ได้ ย้ำว่าทุกอย่างต้องเสร็จสิ้นแล้ว และ ธกส. ส่งเรื่องเข้ามาเราถึงจะถามได้ ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ และไทม์ไลน์เพียงแต่ต้องรอระยะเวลาที่เหมาะสม รวมถึงกรอบ ม.28 ด้วย
นายเผ่าภูมิ ระบุว่า ไทม์ไลน์ชัดเจน คือวันที่ 10 ก.ค.นี้ จะประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดิจิทัล วอลเล็ต เพื่อสรุปเงื่อนไขทั้งหมด พร้อมเข้าสู่คณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันจันทร์ที่ 15 ก.ค. และในวันที่ 24 ก.ค. ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี จะแถลงเรื่องการเปิดลงทะเบียน และการยืนยันตัวตน โดยรายละเอียดจะอยู่วันนั้นทั้งหมด ส่วนวันที่ 30 ก.ค. จะเข้าสู่ ครม. อีกครั้ง ก่อนการลงทะเบียน และกระบวนการสอบถามความคิดเห็นจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะอยู่หลังจากนั้น
นายเผ่าภูมิ ยืนยัน ในกรอบวงเงินเดิม 5 แสนล้านบาท ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ ทั้งงบ 68 ที่อยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการก็เดินหน้า ไม่มีปัญหาอะไร และงบประมาณปี 67 เพิ่มเติม ก็จะเข้าสู่สภาในวันที่ 17 ก.ค. นี้ ส่วนเรื่องแผนสอง หรือแผนสาม หากกฤษฎีกาตีความว่าการใช้เงิน ธกส. ผิดกฎหมายนั้น มีอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ยังยืนยันในแผนเดิม
พร้อมย้ำว่า จะได้ใช้เงินในไตรมาส 4 อย่างแน่นอนซึ่งยังไม่ได้ระบุวันเพราะต้องการให้มีความยืดหยุ่น โดยเร็วกว่าไทม์ไลน์เดิม และการลงทะเบียนร้านค้าจะอยู่ในขั้นตอนต่อไป
นายเผ่าภูมิ กล่าวถึงความกังวลของคณะกรรมาธิการในสภา เกี่ยวกับความกังวลแหล่งที่มาของเงินในการดำเนินโครงการ ว่า ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ แม้ว่าข่าวจะถูกตีออกไป ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่เราต้องรับฟัง แต่รัฐบาลเดินหน้าตามกรอบระยะเวลา และกรอบงบประมาณ ซึ่งการเปิดกรอบวงเงินตามมาตรา 28 มีข้อจำกัดอยู่ในการเปิดกรอบวงเงินและเงื่อนไขต่าง ๆ หลายเรื่อง
สำหรับสินค้าต้องห้ามในการใช้เงินของโครงการดังกล่าว นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้นสินค้าที่เป็นมือถือ และอิเล็กทรอนิกส์ มีความเป็นไปได้สูงที่จะตัดออก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกำลังพิจารณาถึงความเหมาะสม เพราะมีความเชี่ยวชาญว่าสินค้าประเภทนี้จะส่งผลให้เงินไหลออกนอกประเทศ โดยจะเข้ามาในคณะอนุกรรมการในวันพุธนี้ และตอนนี้ยังไม่เปิดให้ลงทะเบียน แค่ให้ประชาชนโหลดแอพลิเคชั่นได้เอง และนายกฯ จะแถลงความชัดเจนอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ธนาคารโลก (World Bank) ประเมินว่าโครงการนี้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียง 0.5-1% ว่า เป็นโครงการใหม่ ไม่เคยมีมาก่อน ไม่เคยกำหนดให้เงินหมุนเวียนอยู่ในหมู่บ้านหรือในชุมชน การประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลากหลาย ดังนั้น ตัวเลขในการประเมินก็มีความหลากหลายขึ้นอยู่กับเงื่อนไข ซึ่งสินค้าต้องห้ามยังไม่นิ่งเลย จะประเมินได้อย่างไรว่ากระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไหร่ และที่บอกว่าหากไม่ทำโครงการดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถลดดอกเบี้ยได้อีก 0.5% นั้น
มาตรการทางการเงินก็ทำหน้าที่ของมาตรการทางการเงินด้วยหน้าที่อยู่แล้ว อย่าเอามาผูกกันในมิติต่าง ๆ ซึ่งเคยผูกไปแล้ว โดยคาดการณ์ว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะเกิดในปีนี้ จึงได้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอ เพราะกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งขึ้นไปโดยที่โครงการยังไม่ได้ออก โดยปีนี้เงินเฟ้อก็ไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้น จึงมีปัญหา
ข่าวแนะนำ