พบอ้วกวาฬ 6.9 โล! ชายหาดหัวไทร-เมืองนอกโลละล้าน
พบอีก อ้วกวาฬขนาดใหญ่ ที่หาดหัวไทร ชาวบ้านเก็บได้มั่นใจเป็นของจริง
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่หาดริมทะเล ท้องที่หมู่ 8 ตำบลหน้าสตน อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวบ้านในพื้นที่พบ “อ้วกวาฬ” หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “อำพันทะเล”ขนาดใหญ่อีกครั้ง คือนางศิริพร เนียมรินทร์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 381 หมู่ 8 ตำบลหน้าสตน อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำอ้วกวาฬ หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “อำพันทะเล” ขนาดใหญ่ที่ถูกบรรจุอยู่ในกะตร้าปิดฝาอย่างดี มาให้ชมซึ่งพบว่ามีขนาดใหญ่กว้างประมาณ 1 ฟุต ยาวประมาณ 2 ฟุตเศษมีทรงรี เนื้อคล้ายไขมันจับตัวมีกลิ่นคาวเล็กน้อย บางส่วนมีร่องรอยถูกเฉือนไปเล็กน้อย นางศิริพร ระบุว่าญาติได้เฉือนไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเมื่อนำไปลนไฟก้อนวัตถุที่พบจะละลายเหมือนไขมันแต่เมื่อเย็นตัวลงจะจับตัวเป็นก้อนแข็งอีกครั้ง
นางศิริพร เนียมรินทร์ เจ้าของอ้วกกวาฬ ก้อนนี้เปิดเผยว่า ช่วงมรสุมที่กำลังพัดแรงราวต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ไปเดินเที่ยวริมหาดห่างออกไปจากบ้านประมาณ 500 เมตร พบก้อนอ้วกวาฬ ก้อนนี้ถูกคลื่นซัดมาติดชายหาด หลังจากนั้นจึงเก็บกลับมาไว้ที่บ้าน คนเฒ่าคนแก่ที่เคยเห็นระบุว่าเป็นอ้วกวาฬ หรือที่เรียกว่าอำพันทะเล อย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่มีค่าหาได้ยากและมีราคาสูง น้ำหนักที่ชั่งได้หนักถึง 6.9 กิโลกรัม ครั้งแรกที่พบมีกลิ่นคาวคล้ายหมึก หรือปลาน้ำลึก แต่หลังจากนำมาเก็บไว้กลิ่นคาวเริ่มหายไป แต่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอ่อนๆ
นางศิริพร ยังระบุด้วยว่าย่านตำบลริมทะเล ของอำเภอหัวไทร ทั้งตำบลเกาะเพชร และตำบลหน้าสตน มีชาวบ้านริมทะเลพบก้อนวัตถุที่เชื่อว่าเป็นอ้วกกวาฬ หลายรายอยากให้นักวิชาการหรือผู้ที่มีความรู้เข้าตรวจสอบวัตถุเหล่านี้ เบื้องต้นนั้นทราบว่าไม่มีบริษัทผู้รับซื้อในประเทศไทย ซึ่งหากเป็นวัตถุมีค่าจริงและสามารถประสานให้ผู้ซื้อมาเสนอราคาซื้อกับชาวบ้านพร้อมที่จะขายให้ จะสามารถช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่หาสิ่งของเหล่านี้ที่มากับคลื่นลมได้
โดยช่วงฤดูมรสุมที่ผ่านมาได้มีการค้นพบวัตถุชนิดเดียวกันหลายครั้งโดยเฉพาะอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ยาวไปจนถึงอำเภอระโนด อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ต่างมีข้อมูลตรงกันว่าเป็นวัตถุที่มีค่าราคาแพงตกกิโลกรัมละกว่า 1 ล้านบาท แต่ในประเทศไทยยังไม่มีผู้ซื้ออย่างเป็นทางการ