ยึดไอซ์ 1,000 กก.ทะลักชายแดนใต้
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 จับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ยึดของกลางไอซ์ 1,000 กิโลกรัม และยาบ้ากว่า 4 แสนเม็ด มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท
พลโท ศานติ ศกุนตนาค ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลาง มาจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่งออกไปยังประเทศที่สาม สำหรับนโยบายการแก้ไขปัญหา ยาเสพติด ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นนโยบายที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระของชาติ สำหรับการดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติด ซึ่ง 14 จังหวัดภาคใต้ที่รับผิดชอบ มีเส้นทางหลักและเส้นทางรองหลายเส้นทาง เจ้าหน้าที่ได้พยายามที่จะคุมทุกพื้นที่ ทุกด่านตรวจ และติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของยาเสพติดในทุกประเภทที่ลงมาเข้าสู่ในพื้นที่ภาคใต้ และส่วนใหญ่จะไปออกสู่ประเทศที่สาม เป็นไปได้ว่าในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่พักยา แล้วก็ทยอยออกสู่ประเทศที่สาม ทั้งทางบก ทางเรือ และทางน้ำ
พลโท ศานติ ยังขอให้ประชาชน มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ทอดทิ้ง จะเข้าไปแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางครั้งต้องใช้เวลาที่จะดำเนินการ แต่ครั้งนี้เจ้าใช้เวลานานที่จะดำเนินการจับกุม เป็นการตัดวงจรเพื่อไม่ให้ขยายลงสู่ชุมชนต่อไป พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติการด้วยการช่วยเเจ้งเบาะเเสผู้ค้า หรือเครือข่ายการกระทำผิดผ่านช่องทางต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐ หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอ และสายด่วน 1567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการจับกุมครั้งนี้สามารถจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ 2 เครือข่าย ผู้ต้องหารวม 9 คน ได้ที่บริเวณด่านตรวจเกาะหม้อแกง ตำบลท่ากำชำ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตรวจยึดยาบ้า 441,760 เม็ด ไอซ์ 1,000 กิโลกรัม หากส่งออกไปยังประเทศที่สาม จะมีมูลค่ามากถึง 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดทรัพย์เบื้องต้นรวม 15 รายการ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท
นายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ทางจังหวัดให้ความสำคัญเรื่องมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ฝ่ายปกครองจะใช้มาตรการเข้มงวดในการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ระบาดเข้ามาในพื้นที่ ทั้งตั้งจุดตรวจ จุดสกัดต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนได้สร้างเครือข่ายเป็นตาสับปะรดช่วยกันเฝ้าระวัง จึงนำมาซึ่งการจับกุมครั้งนี้
ข่าวแนะนำ