นทท.ชมอุทยานฯภูพระบาทคึกคัก ปลื้มมรดกโลกแห่งใหม่
หลังยูเนสโกประกาศให้ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี ขึ้นเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทย ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนคึกคักเป็นอย่างมาก จากปกติวันละ 100 คน ก็เพิ่มเป็นวันละเกือบ 2,000 คน
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลังจากองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประกาศให้ "อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" เป็น "มรดกโลกทางวัฒนธรรม" แห่งใหม่ของประเทศไทย ในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” และเป็นหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 ของ จ.อุดรธานี สร้างความดีใจให้กับชาวอุดรธานี ที่มีแหล่งวัฒนธรรม ก่อนประวัติศาสตร์สู่สายตาชาวโลก
หลังจากประกาศเป็นมรดกโลกเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ ที่ทราบข่าวต่างพากันทยอยแห่กันมาเที่ยวชมควางดงามของอุทยานฯ แห่งนี้กันอย่างคึกคัก พร้อมกับถ่ายรูปกับหอนางอุสาไว้เป็นที่ระลึก และจุดประวัติศาสตร์สำคัญต่างๆ โดยทางอุทยานฯ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม -12 สิงหาคม 2567 ไม่มีการเก็บค่าบริการ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมีรถรางไฟฟ้าไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวสูงวัย อายุ 60 ปีขึ้นไป รวมทั้ง คนพิการ และคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง นั่งขึ้นไปเที่ยวชมหอนางอุสา ที่เป็นจุดแลนด์มาร์คของอุทยานฯ ที่อยู่ห่างจากลานจอดรถและจุดบริการบริการนักท่องเที่ยว 400 เมตร โดยไม่คิดค่าบริการใดทั้งไปและกลับในช่วงวันเวลาดังกล่าวอีกด้วย
น.ส.พรวดี โพธิ์ศรี อายุ 41 ปี ราชการคู ชาว อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู เล่าว่า หลังทราบข่าวว่าทางอุทยานฯ ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของ จ.อุดรธานี ในฐานะตนเป็นคนไทย และเป็นสะใภ้ชาว อ.บ้านผือ ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก จึงชวนครอบครัวมาเที่ยวชมแหล่งประวัติศาสตร์ต่างๆ และสิ่งมหัศจรรย์ของหินต่างๆ ในอุทยานฯ แห่งนี้ ก็รู้สึกดีใจกับชาว จ.อุดรธานี ที่ได้มีมรดกโลกถึง 2 แห่ง และอยากให้มาเที่ยวชมกันเยอะๆ ในสิ่งมหัศจรรย์ที่คนยุคก่อนประวัติศาสตร์ และธรรมชาติได้สร้างขึ้น ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากันจนถึงวันนี้
ขณะที่ น.ส.กุสุมา อุสุภราช อายุ 43 ปี ข้าราชการครู ชาว อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เล่าว่า วันนี้ตนเดินทางพาครอบครัวมาเที่ยว ซึ่งตนทราบข่าวแล้วว่าทางอุทยานฯ ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของ จ.อุดรธานี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อ10 ปีที่แล้ว ตนก็เคยพานักเรียนมาทัศนศึกษาชมประวัติศาสตร์อารยธรรมของอุทยานภูพระบาท ตอนนั้นส่วนมากยังเป็นป่า แต่พอมาวันนี้รู้สึกมีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นไปมากเลย
นายนมัสวิน นาคศิริ นักโบราณคดีชำนาญการ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เปิดเผยว่า อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทแห่งนี้ เดิมทีเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขือน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ในการดูแลของกรมป่าไม้ ต่อมาทางอุทยานฯ และกรมศิลปากรได้ขออนุญาตใช้พื้นที่เป็น อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท แหล่งเรียนรู้อีกที่หนึ่ง ที่อยากให้มาศึกษา และทุกหน่วนงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันพลักดัน จนกระทั่งมีการประกาศเป็นมรดกโลกในวันที่ 27 ก.ค. 67
“หลังจากยูเนสโก้ได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นมรดกโลกทางวัฒนาธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี ก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมกันอย่างคึกคักมาก วันนี้ทางอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทก็เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีเป็นวันที่ 2 ซึ่งวันแรกที่เปิดก็มีนักท่องเที่ยวมาชมเกือบ 2 พันคน จากเดิมมาเข้าชมวันละ 100 คน และวันนี้(29ก.ค.) คาดว่าน่าจะมากว่า 2 พันคน เพราะทางอุทยานเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. - 12 ส.ค. 67 คาดว่านักท่องเที่ยวก็จะเดินทางมาเที่ยวชมเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกวัน”
ภาพข่าว ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุดรธานี
ข่าวแนะนำ