ยกเคสผู้ป่วย “โรคลมหลับ” ง่วงนอนมากผิดปกติ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
“หมอมนูญ” ยกเคสผู้ป่วย “โรคลมหลับ” ง่วงนอนมากผิดปกติ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เตือนห้ามขับขี่รถ ถ้ายังไม่ได้รับการรักษา
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” โดยระบุว่า ผู้ป่วยหญิงอายุ 22 ปี เริ่มง่วงนอนมากผิดปกติตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ทั้งๆ ที่ไม่ได้อดนอน นอนวันละ 8 ชั่วโมง กลางวันง่วงมาก ต้องเผลอหลับทุกวัน หลังงีบหลับตื่นขึ้นมาสดชื่น บางครั้งมีหูแว่วและเห็นภาพหลอนขณะกำลังจะตื่น เวลามีอารมณ์เช่นหัวเราะ นานๆ ครั้งมีกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง ไม่นอนกรน ไม่มียาประจำ ไม่ขับรถ น้ำหนัก 48 กิโลกรัม สูง 159 เซนติเมตร ความดัน 100/70 ตรวจร่างกายทุกอย่างปกติ
เข้ารับการตรวจการนอนหลับในห้องปฏิบัติการการนอนหลับ ใช้เวลา 4 นาทีหลับได้ และคลื่นสมองเปลี่ยนเป็นหลับฝัน REM sleep ในเวลาเพียง 1 นาที (หลังจากเริ่มหลับคนปกติคลื่นสมองจะเปลี่ยนเป็นหลับฝันต้องใช้เวลาประมาณ 90 นาที) ไม่พบภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
หลังจากหลับเต็มที่แลัว เช้าวันรุ่งขึ้น ทำการตรวจการนอนหลับตอนกลางวันเป็นช่วงๆ ในห้องปฏิบัติการ Multiple Sleep Latency Test (MSLT) โดยให้ผู้ป่วยพยายามงีบหลับทุก 2 ชั่วโมง 5 รอบตั้งแต่เช้าถึงบ่าย ถ้าหลับจะอนุญาตให้งีบหลับได้เพียง 15 นาทีแล้วถูกปลุกให้ตื่น ขณะงีบหลับมีการตรวจคลื่นสมอง คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ และการกลอกตา ผู้ป่วยหลับง่ายได้ทั้ง 5 รอบใช้เวลาไม่ถึง 2 นาทีจากดับไฟจนกระทั่งเริ่มหลับ และคลื่นสมองเปลี่ยนเป็นหลับฝัน REM sleep ทั้ง 5 รอบในเวลา 1-8 นาที ซึ่งถือว่าผิดปกติเข้าได้กับโรคลมหลับ
วินิจฉัย : โรคลมหลับ (Narcolepsy) เลือกให้ยา Nuvigil (Armodafinil) 150 มิลลิกรัมตอนเช้าวันละ 1 ครั้ง เพราะอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเวลามีอารมณ์ เช่น หัวเราะ เกิดขึ้นไม่บ่อยและไม่รุนแรง หลังกินยาผู้ป่วยไม่ง่วง มาง่วงอีกครั้งตอน 5 โมงเย็นหลังยาหมดฤทธิ์
โรคลมหลับ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มียาหลายชนิดช่วยบรรเทาอาการของโรคได้ ยากระตุ้นให้ตื่นเช่น Armodafinil มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคลมหลับ ตื่นในเวลากลางวันหลังกินยาตอนเช้าทุกวัน อาการง่วงนอนดีขึ้น ไม่หลับง่ายเหมือนแต่ก่อน คนที่เป็นโรคลมหลับ ห้ามขับขี่ถ้ายังไม่ได้รับการรักษา เพราะอาจหลับขณะขับเป็นอันตรายต่อทั้งคนขับและผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
ภาพจาก AFP
ข่าวแนะนำ