TNN หน้าฝนนี้ป่วยโรคฉี่หนูแล้วเกือบ 2000 ราย

TNN

Health

หน้าฝนนี้ป่วยโรคฉี่หนูแล้วเกือบ 2000 ราย

หน้าฝนนี้ป่วยโรคฉี่หนูแล้วเกือบ 2000 ราย

ฝนนี้ป่วยโรคฉี่หนูแล้วเกือบ 2000 ราย เลี่ยงลุยน้ำย่ำโคลนด้วยเท้าเปล่า!!

ข้อมูลจากระบบการรายงานโรค Digital Disease Surveillance (DDS) กองระบาดวิทยา ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม - 31 กรกฎาคม 2567 พบผู้ป่วยโรคเลปโตสไปโรสิส จำนวน 1,952 ราย 


ผู้เสียชีวิต 24 ราย (คิดเป็นอัตราป่วยตาย ร้อยละ 1.23) 


กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด 3 อันดับแรกคืออายุ 60 ปีขึ้นไป อัตราป่วย 4.38 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อายุ 50-59 ปี (4.20) และอายุ 40-49 ปี (3.24) ตามลำดับ สำหรับกลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ อายุ 30-39 ปี (ร้อยละ 2.16) รองลงมา คือ 60 ปีขึ้นไป (1.61) และ 50-59 ปี (1.44) ตามลำดับ 


ส่วนข้อมูลจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด กรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยในอาชีพเกษตรกรสูงที่สุด ร้อยละ 30.77 รองลงมา คือ อาชีพรับจ้าง (23.08) และกรีดยางพารา (15.38) ส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสแหล่งน้ำ/ดินชื้นแฉะ (ร้อยละ 91.67) อาการสำคัญที่พบ คือ มีไข้เฉียบพลัน ร้อยละ 91.67 รองลงมา คือ หายใจหอบเหนื่อย (83.33) ไอแห้ง (66.67) และปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่อง (58.33)


---อาการของโรคฉี่หนู--- 


ระยะแรกผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับโรคติดเชื้อทั่วไป แต่สังเกตความแตกต่างได้ คือ หลังติดเชื้อประมาณ 2-10 วัน จะเริ่มมีไข้สูงอย่างเฉียบพลัน ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะที่บริเวณหลัง น่องและโคนขา ร่วมกับมีอาการหนาวสั่น บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และตาแดง 


หากมีอาการดังกล่าวภายหลังเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน ขอให้นึกถึงโรคนี้ และรีบไปพบแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็วเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง ที่สำคัญขอให้แจ้งประวัติการเดินลุยน้ำหรือย่ำโคลนให้แพทย์ที่ตรวจรักษาทราบด้วย เพื่อวินิจฉัยและให้การรักษาได้อย่างรวดเร็ว 


อย่าซื้อยามารับประทานเอง เพราะทำให้อาการรุนแรง เช่น ตับไตวาย มีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งข้อมูลการเสียชีวิตจากโรคฉี่หนูที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่มาพบแพทย์ช้า


---ป้องกันโรคฉี่หนู---


1.หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน หรือเดินลุยน้ำย่ำโคลนด้วยเท้าเปล่า โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผลหรือรอยขีดข่วนที่เท้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าบู๊ท หรือรองเท้าที่หุ้มเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้สัมผัสน้ำโดยตรง กรณีมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ และรีบทำความสะอาดบาดแผลและร่างกายทันทีหลังจากเสร็จจากการทำงานหรือลุยน้ำ  


2.หมั่นล้างมือล้างเท้าด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ  


3.รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่และร้อน อาหารที่ค้างมื้อควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด และอุ่นให้เดือดหรือร้อนก่อนนำมารับประทานทุกครั้ง  


4.ดูแลทำความสะอาดที่พัก บ้านเรือนและห้องครัวให้สะอาด หากทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลดควรสวมถุงมือยางและรองเท้าบู๊ทขณะเก็บกวาด ควรเก็บขยะ โดยเฉพาะเศษอาหาร ในถังที่มีฝาปิดมิดชิด หรือทิ้งในถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้แน่น เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารให้หนูเข้ามาในบ้าน 

 

5.หากมีไข้สูง ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่น่อง หลังจากสัมผัสพื้นที่น้ำขัง/ดินที่มีโอกาสปนเปื้อนปัสสาวะสัตว์ ได้แก่ หนู วัว ควาย หมู สุนัข และแพะ ห้ามซื้อยามารับประทานเอง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติเสี่ยงให้ทราบ เพื่อพิจารณาการรักษาได้อย่างถูกต้อง 


ที่มา  : กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

ภาพ : Envato

ข่าวแนะนำ