TNN เมื่อร่างกายเผชิญ "อากาศร้อน" แต่ละระดับ จะเกิดอาการอะไรขึ้นบ้าง?

TNN

Health

เมื่อร่างกายเผชิญ "อากาศร้อน" แต่ละระดับ จะเกิดอาการอะไรขึ้นบ้าง?

เมื่อร่างกายเผชิญ อากาศร้อน แต่ละระดับ จะเกิดอาการอะไรขึ้นบ้าง?

นักวิชาการ ยกผลงานวิจัย เมื่อร่างกายเผชิญอากาศร้อนแต่ละระดับ จะเกิดอาการต่างๆ อะไรขึ้นบ้าง?

นักวิชาการ ยกผลงานวิจัย เมื่อร่างกายเผชิญอากาศร้อนแต่ละระดับ จะเกิดอาการต่างๆ อะไรขึ้นบ้าง?


นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย เปิดเผยว่า extreme heat ประเทศไทยร้อนสุดขั้วช่วงเมษายนนี้ ขอให้ระวังสุขภาพ เนื่องจากงานวิจัยที่ศึกษาในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระบุว่าประชาชนที่อยู่ทั้งในที่ร่ม หรือ กลางแดด เมื่อได้รับอากาศร้อนที่อุณหภูมิต่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านี้ จะทำให้คนส่วนใหญ่จะมีอาการดังนี้ คือ


เมื่อได้รับอากาศร้อนที่อุณหภูมิต่างกันเกิดอาการต่างๆ

 

- อุณหภูมิอากาศระหว่าง 39-40 องศาเซลเซียส  

สมองจะสั่งงานช้าลง อวัยวะของร่างกายทำงานช้าลง เหนื่อยง่าย หายใจเร็ว

- อุณหภูมิอากาศระหว่าง 40-41 องศาเซลเซียส 

จะมีอาการหมดแรง อยากลงไปนอนกับพื้น

- อุณหภูมิอากาศมากกว่า 41 องศาเซลเซียส ขึ้นไป 

ร่างกายจะเริ่ม Shut down คือระบบการทำงานของร่างกายจะเริ่มล้มเหลว นำไปสู่อาการ heat cramps หรือตะคริวจากการสูญเสียเกลือแร่  heat exhaustion หรืออาการเพลียแดด หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก heat stroke หรืออาการเป็นลมแดดเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ทันที มีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก

- อุณหภูมิอากาศถึง 50 องศาเซลเซียส 

ร่างกายจะรับไม่ไหว และโอกาสเสียชีวิตทันทีสูงมาก จากการที่หัวใจล้มเหลว


นอกจากนี้ งานวิจัยยังแนะนำด้วยว่า หากอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป ไม่ควรอยู่กลางแดดช่วงเวลา 09.00-15.00 น. ควรดื่มน้ำบ่อยๆอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน ถ้าออกแดดต้องแต่งตัวมิดชิด กางร่ม ใส่หมวก สวมแว่นกันแดด เพื่อป้องกันรังสี UVA และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30++ เป็นอย่างน้อย 

ที่สำคัญควรออกแดดให้น้อยที่สุด ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ หรือคาเฟอีน และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากๆ เพราะจะเร่งทำให้เกิดการเพลียแดด และเร่งการเกิดอาการฮีทสโตรก (heat stroke) หรือลมแดดเร็วขึ้น ควรหลบอยู่ในที่ร่มในอาคาร เปิดพัดลมระบายอากาศ หากมีแอร์เปิดแอร์ และจิบน้ำเป็นระยะ




ภาพจาก AFP


ข่าวแนะนำ