"ฮีทสโตรก" ภัยร้ายของสัตว์เลี้ยง เช็กอาการ-ปัจจัยเสี่ยง-วิธีปฐมพยาบาล
ฮีตสโตรก หรือ โรคลมแดด ภัยอันตรายของสัตว์เลี้ยงที่มาพร้อมกับความร้อน เช็กอาการ-ปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรค และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ฮีตสโตรก หรือ โรคลมแดด ภัยอันตรายของสัตว์เลี้ยงที่มาพร้อมกับความร้อน เช็กอาการ-ปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรค และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
หลังจากประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ สภาพอากาศมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยง มีโอกาสป่วยโรคฮีทสโตรก (Heat stroke) ได้ ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด โดยมีอาการสำคัญ ได้แก่ ตัวร้อน อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิน 40 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดอาการหน้ามืด เพ้อ กระสับกระส่าย มึนงง หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชักเกร็ง ช็อก
โรคฮีตสโตรก (Heatstroke) หรือโรคลมแดด ไม่ได้เกิดเฉพาะช่วงหน้าร้อนเท่านั้น แต่สัตว์เลี้ยงยังเกิดอาการฮีตสโตรกได้หากอยู่ในบริเวณที่มีอากาศอบอ้าวและอุณหภูมิสูง
ภาวะช็อคจากความร้อนสูงในสุนัข (Heat stroke) ข้อมูลจาก สพ.ญ.กิจตาภรณ์ แสงจันทร์ (หมอฟ้า) สัตวแพทย์คลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ 4
ภาวะช็อคจากความร้อนสูงเกิดขึ้นเมื่อสัตว์มีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นมากกว่า 106-109 องศาฟาเรนไฮด์ ซึ่งภาวะนี้พบมากในสุนัขอ้วนหรือมีปัญหาตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนต้น และสุนัขพันธุ์หน้าสั้น โดยภาวะนี้จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อส่วนต่างๆในร่างกาย
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะ heat stroke
1.การปล่อยสุนัขวิ่งเล่นในบริเวณที่มีอากาศร้อนชื้นเป็นเวลานาน
2.สุนัขที่ถูกขังในบริเวณที่อากาศไม่ไหลเวียน ตากแดด ไม่มีน้ำดื่มเพียงพอ
3.การถูกเป่าขนด้วยไดร์เป่าขนความร้อนสูง
ความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อสัตว์เกิดภาวะ heat stroke
1.ไต:อุณภูมิที่สูงมีผลโดยตรงต่อ renal tubular epithelium และมีผลโดยอ้อมคือการลดลงของปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงไตซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะไตวาย
2.ทางเดินอาหาร:อุณภูมิที่สูงมีผลโดยตรงต่อทางเดินอาหารและลำไส้ โดยมักทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นถูกทำลายและเกิดเป็นเนื้อตาย ส่งผลให้สัตว์เกิดภาวะท้องเสียและอาเจียนเป็นเลือดได้
3.สมอง:อาจพบภาวะสมองบวมน้ำและเนื้อสมองตายเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้ผนังเส้นเลือด(cerebral vascular endothelium) ถูกทำลายโดยอุณหภูมิที่เพิ่มสูงกว่า 109 องศาฟาเรนไฮด์เป็นเวลานานอาจทำให้เซลล์ประสาทถูกทำลายอย่างถาวร ส่งผลให้เกิดภาวะ coma และเกิดภาวะสมองถูกทำลายอย่างถาวร(permanent brain damage)ตามมา
4.ตับและหัวใจ: อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เซลล์ตับและกล้ามเนื้อหัวใจตาย
อาการของ heat stroke ในสัตว์เลี้ยง
อาการเริ่มแรกของ heat strokeคือ สัตว์หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว อาเจียน ท้องเสีย มีภาวะขาดน้ำ หากไม่ได้รับการแก้ไขทันทีอาการจะมีความรุนแรงขึ้นโดยสัตว์จะมีภาวะหายใจลำบาก เยื่อเมือกสีม่วงคล้ำ เกิดจุดเลือดออก(petechial hemorrhages) เป็นลม(collapse) ชัก เสียการทรงตัว ปัสสาวะน้อย ท้องเสียเป็นเลือด และอาเจียนเป็นเลือด เหงือกที่เคยมีสีแดงเข้มอาจเริ่มมีสีซีดหรือซีดอมเทา ชีพจรอ่อน อุณหภูมิที่เคยสูงขึ้นอาจลดต่ำลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ และอาจพบอาการทางประสาทได้ เช่น ชัก และเสียชีวิตในที่สุด
การรักษา
1.การลดอุณหภูมิร่างกาย ด้วยการเช็ดตัว อาบน้ำ หรือสเปรย์ด้วยน้ำเย็น และอาจเป่าด้วยพัดลมเพื่อช่วยในการระเหยของความร้อน ในกรณีที่อุณหภูมิสูงมากอาจทำการสวนทวารหนักด้วยน้ำเย็น แต่การสวนส่งผลให้ไม่สามารถวัดอุณหภูมิร่างกายทางทวารหนักได้
*ในการลดอุณหภูมิไม่ควรใช้น้ำแข็งหรือน้ำที่เย็นจัดเพราะจะทำให้เส้นเลือดส่วนปลายหดตัว และสุนัขเกิดอาการสั่น ซึ่งจะไปชะลอกระบวนการลดความร้อนของร่างกาย
2.เมื่ออุณหภูมิร่างกายลดลงถึง 103 องศาฟาเรนไฮด์ ให้หยุดเช็ดตัว แล้วหมั่นวัดอุณหภูมิสุนัขทุกๆ 10นาทีในอีก 2-3 ชั่วโมงต่อมา โดยอุณหภูมิร่างกายอาจจะยังคงลดต่ำลงเรื่อยๆจนถึงระดับต่ำกว่าปกติหรือเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติได้อีก
3.ให้สารน้ำพวก crystalloid fluids ทางเส้นเลือดแบบ bolus ในขนาด 20-30 ml/kg
4.ในกรณีที่มีความดันเลือดต่ำมากควรให้ hetastarch ขนาด 5-10 ml/kg ควบคู่กับ crystalloid fluids
5.ถ้าพบอาการของ DIC ให้ทำ plasma transfusion ขนาด 10-20 ml/kg/d
วิธีการปฐมพยาบาลโรคลมแดด (Heat Stroke) ในสัตว์เลี้ยงเบื้องต้น ข้อมูลจาก โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน
การปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องเป็นเรื่องที่ทุกคนควรรู้เมื่อสัตว์เลี้ยงเป็นโรคลมแดด สิ่งสำคัญคือการทำให้อุณหภูมิร่างกายของสัตว์ลดลงแต่อย่าให้ลดลงเร็วจนเกินไป โดยควรปฏิบัติ ดังนี้
1.ถ้าสัตว์เลี้ยงของเราอยู่ในที่อากาศร้อน แออัด ให้นำน้องมาอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกทันที จากนั้นถอดเสื้อผ้าหรือปลอกคอที่ทำให้สัตว์อึดอัดออก
2.ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว รวมถึงเช็ดใต้ฝ่าเท้า รักแร้ และขาหนีบ เพื่อช่วยระบายความร้อนควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องในการเช็ด ไม่ควรใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำที่อุ่นเกินไป เพราะสัตว์อาจเกิดภาวะช็อคได้
3.นวดบริเวณขาเพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
เมื่อปฐมพยาบาลเสร็จควรรีบนำสัตว์เลี้ยงไปโรงพยาบาลเพื่อให้สัตวแพทย์ได้ทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างละเอียด และห้ามให้ยาโดยไม่ได้รับการพิจารณาจากสัตวแพทย์เด็ดขาด
เราจะป้องกันการเกิดฮีทสโตรกได้อย่างไร? ข้อมูลจาก โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนองโพ
- สำหรับสุนัขขนยาวหรือขนหนา แนะนำให้ตัดขน เพื่อลดการสะสมความร้อน
- หากไม่มีห้องแอร์ให้สุนัขอยู่ แนะนำให้อยู่ในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีบ่อน้ำ หรืออ่างน้ำใหญ่ให้กินหรือเล่นน้ำได้ตลอดเวลา
- เช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำเย็นบ่อยๆ
- หมั่นสังเกตพฤติกรรม ลักษณะการหายใจ
ภาพจาก TNN Online/AFP