บอกลากลิ่นเต่าแรง เผย 6 วิธีดูแลตัวเองให้ตัวหอม

1.อาบน้ำให้สะอาด

เหงื่อที่ทำให้มีกลิ่นตัวมาจากต่อมเหงื่ออะโพไครน์ (Aprocrine) ต่อมเหงื่อนี้จะอยู่บริเวณรักแร้ มือ เท้า บริเวณข้อพับ ขาหนีบ และอวัยวะเพศ เป็นเหงื่อที่มีโปรตีนสูง ซึ่งแบคทีเรียผิวหนังชอบโปรตีนมาก ๆ เหงื่อจึงมีกลิ่นเหม็นหรือทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นคือ อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง และทำความสะอาดบริเวณรักแร้ มือ เท้า ข้อพับ ขาหนีบ อวัยวะเพศให้สะอาด แล้วเช็ดตัวให้แห้งทันทีหลังอาบน้ำ

2.ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นตัว

เช่น สารส้ม โรลออน แป้งระงับกลิ่น เป็นต้น ส่วนใครที่ใช้แล้วแต่ยังมีกลิ่นตัวอยู่ ขอแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์หรือเภสัชใกล้บ้านเพื่อลองใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อที่มีส่วนผสมของ Aluminum Chloride ซึ่งจะช่วยยับยั้งต่อมเหงื่อไม่ให้ผลิตเหงื่อออกมา (ขอย้ำว่าต้องปรึกษาแพทย์ก่อนน๊า อย่าแอบซื้อมาใช้เองเชียว)

3.ใส่เสื้อผ้าพอดีตัวและระบายเหงื่อได้ดี

ใส่เสื้อผ้าที่ใส่สบาย พอดีตัว และเนื้อผ้าระบายเหงื่อได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน เป็นต้น งดใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ไม่ดี อย่างพวกผ้าสังเคราะห์ เช่น ผ้าโพลีเอสเตอร์ ผ้าไนลอน เป็นต้น และควรเก็บเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทหรือไม่มีกลิ่นเหม็น ส่วนใครที่มีปัญหาเหงื่อออกเท้าเยอะ มีกลิ่นเท้า แนะนำให้เลือกใช้ถุงเท้าสำหรับการเล่นกีฬา เพราะเนื้อผ้าจะเพื่อดูดซับความชื้นได้ดีกว่าถุงเท้าทั่วไป

4.ออกกำลังกาย รักษาน้ำหนัก

การมีน้ำหนักเกินจะทำให้ร่างกายทำงานหนักขึ้น ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นและผลิตเหงื่อมากขึ้น ลองสังเกตดูว่าเวลาที่เราอ้วนขึ้นเหงื่อจะออกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะตามข้อพับของร่างกาย ซึ่งมันทำให้เกิดกลิ่นตัวสะสมได้

5.เลี่ยงการกินอาหารรสจัด

การกินอาหารรสจัดอย่างกระเทียม หรือหัวหอมมาก ๆ จะทำให้เหงื่อออกมากขึ้น ซึ่งเหงื่อจะทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียที่ผิวหนังเพื่อผลิตกลิ่นตัว การงดอาหารรสจัดจึงช่วยควบคุมปริมาณเหงื่อได้ และในแต่ละวันควรดื่มน้ำให้เพียงพอด้วย เพราะการดื่มน้ำจะช่วยขับของเสียภายในร่างกายได้

6.ปรึกษาแพทย์

ถ้ารักษาความสะอาด ดูแลตัวเองอย่างดีแล้ว แต่ปัญหากลิ่นตัวก็ยังไม่หาย ขอแนะนำว่าให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ไขจะดีที่สุด อย่าหลงเชื่อสินค้าโฆษณาชวนเชื่อเกินจริงเชียว ไปปรึกษาแพทย์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ขอบคุณข้อมูล: http://www.plookfriends.com/

ติดตาม TNN Health ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่

Website : https://www.tnnthailand.com/news/health/

Facebook : https://bit.ly/TNNHealthFacebook

Youtube : https://bit.ly/TNNHealthYoutube

TikTok : https://bit.ly/TNNHealthTikTok

Line @TNNHEALTH : https://lin.ee/MNckVHq

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/TNNHealthFacebook