ไมโคพลาสมา (Mycoplasma) หมอตอบให้ติดเชื้อแล้วรุนแรงแค่ไหน

วันนี้ ( 8 ม.ค. 65 )นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบหายใจ กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อแบคทีเรีย Mycoplasma  (ไมโคพลาสมา) โดยระบุว่า

เชื้อแบคทีเรีย Mycoplasma  (ไมโคพลาสมา) เป็นเชื้อแบคทีเรีย ที่พบได้ทั่วไป ติดต่อผ่านการสัมผัส หายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อเช้าไปนี่

เชื้อแบคทีเรียตัวนี้ ทำให้เกิดอาการได้ในหลายๆ ตำแหน่งในร่างกาย แต่ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นจากตัวเชื้อเอง มักจะเล่นงานที่ะรบบทางเดินหายใจ

เช่น ปอดอักเสบ (ปอดบวม)  ซึ่งสมัยก่อน อาการของคนที่ติดเชื้อแบบนี้ มักไม่รุนแรง แต่ เรื้อรัง (walking pneumonia) แต่ปัจุบัน เปลี่ยนไปมาก

ผมเจอเด็กที่ติดเชื้อตัวนี้ มีอาการในระบบหายใจที่รุนแรงเช่น ฝีในปอด หรือ ปอดติดเชื้อแบบชนิดรุนแรงที่มี ARDS ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ มาเรื่อยๆมากกว่า สมัยที่ร่ำเรียนว่า เชื้อนี้อาการมักไม่รุนแรง

ส่วนอาการในระบบอื่นๆ ส่วนหนึ่งเป็นจากความรุนแรงของตัวเชื้อ อีกส่วนเป็นเรื่องของภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองต่อเชื้อ เช่น  

1.ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis) เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis) >> อันนี้มาด้วย หมดสติจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือ เหนื่อยหอบมากขึ้นจากหัวใจล้มเหลวก็เคยพบ 

2.ภาวะสมองอักเสบ (meningoencephalitis) >> ไข้สูง ชัก หมดสติ

3.ผื่นผิวหนังอักเสบ รวมถึงอาการแพ้ยารุนแรงที่เรียก Steven-Johnson Syndrome (SJS) มีการศึกษาพบว่าเจ้าเชื้อตัวนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง

การรักษาโรคติดเชื้อไมโคพลาสมา

การรักษาหลักๆ คือคือการให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Azithomycin แต่ปัจจุบันมีรายงานว่าเชื้อเริ่มดื้อต่อยานี้มากขึ้น ยาอีกกลุ่ม ที่ใช้ได้ดีก็กลุ่ม quinolone เช่น levofloxacin 

ส่วนการรักษาอาการในระบบต่างๆ ก็แล้วแต่ผลที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ เช่น ปอดติดเชื้อหายใจล้มเหลวก็อาจต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 

กล้ามเนื้อหัวอักเสบก็อาจต้องให้ยากระตุ้นการบีบตัวของหัวใจ การให้ยา IVIG หรือ ถ้ารุนแรงมากอาจต้องใช้เครื่อง ECMO เพื่อชื้อเวลารอกล้ามเนื้อหัวในฟื้นตัว

โดยประสบการณ์ของผมช่วง 10 ปีใน ICU เด็กเราพบการติดเชื้อ mycoplasma (ไมโครพลาสมา) มากขึ้น ทั้งในเด็กเล็ก และในเด็กโต โดยสัดส่วนของเด็กโตยังมากกว่าและบ่อยกว่า  แต่ความรุนแรงเปลี่ยนไปมาก เจอทุกแบบ ทั้งสมองอักเสบ กล้ามหัวใจอักเสบ ปอดติดเชื้อระดับรุนแรง ARDS  แต่เริ่มต้นก็มาด้วยเรื่องของไข้นำมาก่อนนี่แหละครับ เพียงแต่อาจจะยาวนานกว่า การติดเชื้อไวรัสอื่นๆ

ข้อมูลจาก : Jiraruj Praise (นพ.จิรรุจน์ กุมารแพทย์โรคระบบหายใจ)

ภาพจาก  : AFP