ขนาดรอบเอวบอกสุขภาพ เคล็ดลับที่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษแนะนำ
ผู้เชี่ยวญชาญอังกฤษแนะนำประชาชนวัดขนาดรอบเอว ที่สามารถบอกสุขภาพได้ โดยผู้ที่มีสุขภาพดีไม่ควรมีขนาดรอบเอวเกินครึ่งหนึ่งของส่วนสูง
สถาบันแห่งชาติเพื่อความเป็นเลิศด้านสุขภาพและการแพทย์ หรือ ไนซ์ (National Institute for Health and Care Excellence - NICE) ของประเทศอังกฤษ ออกคำแนะนำกับประชาชนทั่วไป ถึงการตรวจเช็คสุขภาพ ทำได้ง่ายๆ ด้วยการหมั่นวัดขนาดรอบเอว เพื่อเช็คไขมันที่สะสมที่หน้าท้อง ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของโรคอันตรายต่าง ๆ
โดยรอบเอวของคนที่ถือว่ามีสุขภาพดี และไม่มีไขมันเกินส่วนเกินจนน่าเป็นกังวล ไม่ควรมีขนาดเกินครึ่งหนึ่งของส่วนสูง ตัวอย่างเช่น หากคุณสูง 175 ซม. (5 ฟุต 9 นิ้ว) เอวของคุณก็ควรน้อยกว่า 87.5 ซม. (34 นิ้ว) หรือ ครึ่งหนึ่งของส่วนสูง แต่ถ้าหากพบว่า มีรอบเอวมากเกินความสูง ก็จะทำให้รู้ว่าถึงเวลาที่ควรหันมาดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนักได้แล้ว
การใช้เกณฑ์การวัดรอบเอว เพื่อประเมินสุขภาพเบื้องต้น สามารถใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย ยกเว้นผู้ที่มีความสูงน้อยกว่ามาตรฐานหรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีซึ่งอาจสูญเสียส่วนสูงเมื่ออายุมากขึ้น
วิธีการการวัดรอบเอวที่ถูกต้อง ควรวัดจากบริเวณของซี่โครงและส่วนบนของสะโพก โดยพันสายวัดรอบเอวไว้ตรงกลางระหว่างจุดดังกล่าว ระหว่างวัดรอบเอว ควรหายใจเข้าออกตามธรรมชาติ ไม่เกร็งหน้าท้อง หรือหายใจเข้าเก็บลมเข้าท้องนานเกินไป
แม้การวัดดัชนีมวลกาย หรือ BMI จะสามารถคำนวณน้ำหนักเกินมาตรฐานและบอกความเสี่ยงโรคอ้วนได้ แต่มีข้อแตกต่างคือ การวัดดัชนีมวลกาย โฟกัสที่มวลโดยรวมของร่างกาย โดยไม่ได้คำนึงถึงน้ำหนักส่วนเกินที่บริเวณหน้าท้อง ดังนั้น คนที่มีมวลน้ำหนัก BMI อยู่ในเกณฑ์ดี แต่อาจมีโอกาสที่มีน้ำหนักส่วนเกินหรือไขมันหน้าท้องเกินมาตรฐานก็เป็นได้
การรู้น้ำหนักส่วนเกินจากไขมันที่อยู่ตรงหน้าท้อง ช่วยบอกความเสี่ยงเกิดโรคต่างๆ เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 ภาวะความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
ในคำแนะนำของ NICE ยังบอกอีกว่า ผู้คนจากกลุ่มชาติพันธุ์เอเชียบางกลุ่มและกลุ่มคนผิวสีมีแนวโน้มที่จะมีไขมันสะสมบริเวณรอบเอว หรือที่เรียกว่า "ภาวะอ้วนลงพุง" มากกว่าคนกลุ่มอื่น
ศาสตราจารย์ราเชล แบตเตอร์แฮม ที่ปรึกษาด้านโรคอ้วน โรคเบาหวาน และวิทยาต่อมไร้ท่อ จากอังกฤษ ระบุว่า ไขมันส่วนเกินในช่องท้องเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคที่จำกัดชีวิตหลายอย่าง รวมทั้งโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหัวใจ ขณะที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ให้คำแนะนำว่า การควมคุมน้ำหนัก ควรปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซีงควรอยู่ในการดูแลจากแพทย์
ที่มา: https://www.bbc.com/news/health-61021823
Facebook: TNN Health
Photo Credit: Pixabay