ผลบอลสดพรีเมียร์ลีก 2020-21 เซาธ์แฮมป์ตัน พบ คริสตัล พาเลซ
แดนนี่ อิงส์ ซัดเบิ้ล - เช อดัมส์ ยิงอีกตุงพา เซาธ์แฮมป์ตัน เปิดบ้านแซงเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 3-1 ทำให้ "นักบุญ" เฮแรกในรอบ 6 เกม ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14 ของตาราง เก็บได้ 40 แต้ม ด้าน "ดิ อีเกิ้ลส์" รั้งอันดับ 13 มี 41 คะแนนเท่าเดิม
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ 36 "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน เปิดสนามเซนต์ แมรี่ส์ รับการมาเยือนของ "ดิ อีเกิ้ลส์" คริสตัล พาเลซ ลงทำการแข่งขันในวันอังคารที่ 11 พ.ค.64
ครึ่งเวลาแรก
เริ่มเกมมาเพียง 2 นาที ทีมเยือนเดินหน้าทักทาย ก่อนได้ลูกฟรีคิก เปิดโดย ไทริค มิตเชลล์ ก่อนที่ สกอตต์ แดนน์ จะโหม่งชง จนบอลไปเข้าทาง คริสติย็อง เบนเตเก้ พักอก กระดกบอล และโหม่งแต่งจังหวะ ก่อนซัดด้วยซ้าย ส่งบอลตุงตาข่าย พา คริสตัล พาเลซ บุกนำ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-0 อย่างรวดเร็ว
นาทีที่ 19 เจ้าบ้านวางบอลยาวขึ้นหน้าไปทางฝั่งซ้าย จาก สจ๊วร์ต อาร์สตรอง ก่อนที่ เนธาน เร้ดมอนด์ จะเปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วเป็น แดนนี่ อิงส์ ที่แตะบอลย้อยหลัง จากนั้นพลิกตัวตวัดยิง ส่งบอลเข้าประตู ช่วยให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ตามตีเสมอ คริสตัล พาเลซ 1-1
ต่อมาในนาทีที่ 25 เจ้าถิ่นได้ลุ้น จากการที่ เช อดัมส์ เกี่ยวบอลออกข้างให้ เนธาน เร้ดมอนด์ จับแต่งหาช่องแล้วยิงด้วยขวา แต่ติดปลายมือของ บิเซนเต้ ไกวต้า ผู้รักษาประตูของ คริสตัล พาเลซ เซฟเอาไว้ได้ทันเวลา
นาทีที่ 27 เซาธ์แฮมป์ตัน บุกต่อเนื่องและมีโอกาสเข้าทำอีกครั้ง โดย เนธาน เร้ดมอนด์ ไหลบอลให้กับ เช อดัมส์ ง้างเท้ากดด้วยขวา แต่ก็ยังติดเซฟของ บิเซนเต้ ไกวต้า ปัดเอาไว้ได้
ถัดมาในนาทีที่ 36 เจ้าถิ่นได้ลูกเตะมุมและเปิดเข้าไปในกรอบ ก่อนที่ บิเซนเต้ ไกวต้า จะออกมาชกตัดเกม แต่เคลียร์ไม่ขาด แล้วเพื่อนช่วยโหม่งสกัด แต่ก็ยังไปเข้าทาง ทาคูมิ มินามิโนะ ไหลบอลออกข้างให้ แจ็ค สตีเฟ่นส์ ได้กดด้วยซ้าย แต่ติดบล็อกของ สกอตต์ แดนน์ ช่วยป้องกันเอาไว้
นาทีที่ 41 เนธาน เร้ดมอนด์ ไปทำฟาวล์ใส่ วิลฟรีด ซาฮา ล้มลงในกรอบ และผู้ตัดสินก็เป่าหยุดเกมทันที ก่อนชี้ให้เป็นจุดโทษแก่ทีมเยือน จากนั้น ลูก้า มิลิโวเยวิช รับหน้าที่สังหาร แต่ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ ผู้รักษาประตูของ เซาธ์แฮมป์ตัน พุ่งตัวปัดเซฟเอาไว้ได้ ทำให้ คริสตัล พาเลซ พลาดโอกาสทองใส่สกอร์เพิ่มอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นนาทีที่ 45+2 เจ้าบ้านได้ลูกฟรีคิกในระยะหวังผล แล้วเป็น เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ทำหน้าที่ปั่น ส่งบอลผ่านกำแพงไปแล้ว แต่โค้งไม่พอเข้ากรอบ ซึ่งเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น
หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก เซาธ์แฮมป์ตัน เสมอ คริสตัล พาเลซ 1-1
ครึ่งเวลาหลัง
กลับมาสู่เกมครึ่งหลัง ในนาทีที่ 48 เจ้าบ้านได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา แล้วเล่นลูกสูตร โดย เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ไหลบอลให้ สจ๊วร์ต อาร์สตรอง บริเวณนอกกรอบ ก่อนกึ่งยิงกึ่งเปิด บอลเลยไปถึง เช อดัมส์ ทางเสาสอง ได้เข้าชาร์จในระยะเผาขน ส่งบอลเข้าประตูพา เซาธ์แฮมป์ตัน แซงนำ คริสตัล พาเลซ 2-1
นาทีที่ 51 ทีมเยือนมีโอกาส จากการเปิดบอลของ เอเบเรชี่ เอเซ่ ครอสเข้าไปตรงกลางถึง คริสติย็อง เบนเตเก้ ขึ้นโหม่ง แต่น้ำหนักเบาไม่ผ่านมือ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์
ต่อมาในนาทีที่ 61 ทีมเยือนได้โอกาสทอง จากจังหวะที่ แจ็ค สตีเฟ่นส์ จับบอลพลาดในพื้นที่อันตราย แล้วโดน คริสติย็อง เบนเตเก้ วิ่งฉกบอลเอาไปเล่นได้ ก่อนลากขึ้นหน้ายิงด้วยซ้าย แต่ แจ็ค สตีเฟ่นส์ ตามมาบล็อกด้วยปลายเท้า แก้ตัวไว้ได้ทันเวลาแบบหวุดหวิด ทำให้ คริสตัล พาเลซ ชวดได้ประตูตามตีเสมอในจังหวะนี้
นาทีที่ 75 เจ้าบ้านต่อบอลทำเกมรุกกันขึ้นมา จากนั้น เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ไหลบอลทะลุให้ เช อดัมส์ แตะต่อไปยัง แดนนี่ อิงส์ หลุดเดี่ยวเข้าไปสะกิดด้วยเท้าขวา ส่งบอลผ่านมือ บิเซนเต้ ไกวต้า เข้าประตูพา เซาธ์แฮมป์ตัน หนี คริสตัล พาเลซ 3-0
ถัดมาในนาทีที่ 80 เจ้าบ้านยังเป็นฝ่ายครองเกม ก่อนที่ เนธาน เร้ดมอนด์ จะจ่ายบอลให้ ทาคูมิ มินามิโนะ ได้ง้างเท้ายิงด้วยซ้าย แต่ติดบล็อก
หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูได้ หมดเวลาการแข่งขัน เซาธ์แฮมป์ตัน เปิดบ้านเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 3-1 ทำให้ "นักบุญ" เฮแรกในรอบ 6 นัด ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14 ของตาราง เก็บได้ 40 แต้ม ด้าน "ดิ อีเกิ้ลส์" รั้งอันดับ 13 มี 41 คะแนนเท่าเดิม
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เซาธ์แฮมป์ตัน ระบบ (4-4-2) : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ ; ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, แยน เบ็ดนาเร็ก (โมฮัมเหม็ด ซาลิซู น.46), ยันนิค เวสเตอร์การ์ด, แจ็ค สตีเฟ่นส์ ; ทาคูมิ มินามิโนะ, เจมส์ วอร์ด-เพราส์, สจ๊วร์ต อาร์สตรอง, เนธาน เร้ดมอนด์ ; เช อดัมส์, แดนนี่ อิงส์ (ไมเคิ่ล โอบาเฟมี่ น.76)
คริสตัล พาเลซ ระบบ (4-3-3) : บิเซนเต้ ไกวต้า ; โจเอล วอร์ด, เชกู กูยาเต้, สกอตต์ แดนน์, ไทริค มิตเชลล์ ; ไยโร รีเดอวัลด์, ลูก้า มิลิโวเยวิช (เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ น.65), เอเบเรชี่ เอเซ่ ; จอร์แดน อายิว (มิชี่ บาตชูอายี่ น.72), คริสติย็อง เบนเตเก้ (ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า น.78), วิลฟรีด ซาฮา