แฟนแมนยู ออกแถลงการณ์ตำหนิการบริหารทีมของ 'เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์'

เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ เจ้าของ The Raine Group เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมท็อปโฟร์พรีเมียร์ลีกในเวลานี้ ด้วยเงินราว 6 พันล้านปอนด์ และยังเปิดโอกาสให้ตระกูลเกลเซอร์มีหุ้นส่วนน้อยราว 20% และเข้าได้ซื้อหุ้นเพิ่มเติมไปเมื่อช่วงเดือนที่แล้ว เบ็ดเสร็จ เขามีหุ้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้วกว่า 28% และรับหน้าที่ดูแลสโมสรใเรื่องของฟุตบอลทุกอย่าง

หลังเข้ามาบริหารงานในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นั้น เซอร์ จิม ก็ดำเนินนโยบายลดรายจ่ายของสโมสรทุกขั้นตอนทั้งโละพนักงานในแผนกที่ไม่มีความจำเป็นกว่า 250 ชีวิตออกจากสโมสร แม้กระทั่งงดจ่ายเงินให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือในฐานะทูตของสโมสรตกปีละกว่า 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 86 ล้านบาท) ด้วย 

นอกจากนี้ อภิมหาเศรษฐีแห่งเกาะอังกฤษ ยังออกกฏยกเลิกการจ่ายเงินให้สต๊าฟฟ์ของสโมสรเดินทางไปดูเกมที่ เวมบลีย์ รวมทั้งค่าที่พัก และค่าอาหารเหมือนเคยโดยยืนยันว่าสตาฟฟ์ที่ต้องการเดินทางไปที่ เวมบลีย์ จะต้องจ่ายเงินค่ารถโค้ชคนละ 20 ปอนด์ (ประมาณ 860 บาท) รวมไปถึงจ่ายโบนัสของขวัญวันคริสต์มาสเหลือแค่เพียง 40 ปอนด์ จากปกติยุคเกลเซอร์เคยจ่ายให้ 100 ปอนด์

ล่าสุด เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตัดเงินเงินเข้าองค์กรการกุศลดังกล่าวทุกปีตกปีละ 40,000 ปอนด์ (ประมาณ 1.72 ล้านบาท) หลังก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 1985 เพื่อช่วยเหลือนักฟุตบอลจากยุคอดีตที่ไม่ได้รับรายได้มากเท่ากับซูเปอร์สตาร์ในปัจจุบัน

ในขณะที่สถานการณ์ในสนามก็ยังไม่ดีขึ้น แฟนบอลกลุ่ม 1958 ได้ออกแถลงการณ์ประณามช่วงเวลาที่ แรทคลิฟฟ์ เข้ามาบริหารงานให้กับสโมสรว่าเป็น "ปีแห่งความน่าละอายและความเสื่อมเสีย" และเรียกร้องให้แฟนบอลออกมาตอบโต้กลับเศรษฐีรายนี้

“INEOS และเซอร์จิมได้ให้คำมั่นสัญญาไว้อย่างมากมายหลังจากความเสียหายต่อรุ่นที่เกิดจากพวก เกลเซอร์ เจ้าของทีม”

“เซอร์ จิม กล่าวว่าเขาต้องการนำ "แมนเชสเตอร์กลับคืนสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ทุกคนคิดว่าเด็กท้องถิ่นอย่างเขาจะเข้าใจชุมชน ชนชั้นแรงงาน และโครงสร้างของสโมสรที่ยิ่งใหญ่ของเรา แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น และความคิดเห็นที่น่าละอายในบทสัมภาษณ์ล่าสุดที่เปรียบเทียบ ยูไนเต็ด กับ ฟูแล่ม ก็ยืนยันได้ถึงสิ่งนี้”

“การกระทำจะบ่งบอกได้ดังกว่าคำพูดเสมอ หลักฐานทั้งหมดจนถึงตอนนี้แสดงให้เห็นภาพที่แตกต่างออกไป”

“การขึ้นราคาตั๋วเข้าชมเกมสำหรับแฟนบอล ยกเลิกส่วนลดสำหรับเด็กและผู้รับบำนาญ พนักงานสโมสรสูญเสียงานในทุกระดับเพื่อประหยัดเงิน ความล้มเหลวของ แอชเวิร์ธ ทำให้สูญเสียเงินหลายล้าน บริการจำหน่ายตั๋วได้รับผลกระทบจากการตัดลด (จากเกมเยือน) ขวัญกำลังใจของสโมสรและความหวังของแฟนบอลตกต่ำ โบนัสของผู้ดูแลสนามถูกยกเลิกและจำนวนพนักงานถูกลดน้อยลง”

'คุณเห็นคิวต่อไปแล้วใช่ไหม (เราจะพูดถึงเรื่องนี้กันอีกครั้ง) การบริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่สนับสนุนอดีตผู้เล่นยูไนเต็ดถูกหยุดลงโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ไม่มีอะไรนอกจากความดูถูกแฟนๆ และโครงสร้างหลักของสโมสรของเรา”

“กลยุทธ์ของ เซอร์ จิม ในการลดต้นทุนนั้นไม่มีอะไรอื่นนอกจากการดูหมิ่นรากฐานของชนชั้นแรงงานที่สโมสรของเราสร้างขึ้นมา มันเป็นแนวทางที่ฉลาดแต่ก็โง่เขลา การโจมตีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดและไม่มีเงินใช้ได้ ซึ่งพวกเขาไม่มีเสียงตอบโต้เป็นการกระทำของคนขี้ขลาดและแสดงถึงการขาดความเข้าใจโดยสิ้นเชิง”

“นักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าจะจัดการกับปัญหาที่แท้จริงที่ส่งผลกระทบต่อสโมสร ซึ่งนั่นก็คือ ตระกูลเกลเซอร์ การบริหารจัดการสโมสรที่ผิดพลาดของพวกเขามานานกว่า 20 ปี หนี้สินก้อนโตของพวกเขาทำให้สโมสรต้องล้มละลาย และสโมสรต้องจ่ายเงินดอกเบี้ยหลายล้านปอนด์ทุกปี”

“กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อกอบกู้จากการแสดงที่ห่วยแตกของ ตระกูลเกลเซอร์ นั้นมุ่งเป้าไปที่กลุ่มที่เปราะบางในฐานแฟนคลับของเรา ตอนนี้เราต้องเผชิญหน้ากับโลกที่เลวร้ายที่สุดทั้งสองด้าน การโจมตีจากบนลงล่างโดย ตระกูลเกลเซอร์ ที่คอยฉกชิงเงินออกจากสโมสร และการโจมตีจากล่างขึ้นบนโดย "ไอ้เด็กหนุ่มท้องถิ่นแห่งเฟลส์เวิร์ธ" ที่คอยหาประโยชน์จากผู้ที่มีกำลังทรัพย์น้อยและไม่มีเสียงจะตอบโต้”

“เรื่องนี้จะดำเนินต่อไปไม่ได้อีกต่อไป! เราจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไป! หากเราไม่ทำอะไรเลยในฐานะฐานแฟนคลับ ก็จะไม่มีการแข่งขันกัน ไม่มีวัฒนธรรมแฟนคลับอีกต่อไป”

“มีเพียงนักท่องเที่ยวและบริษัทเท่านั้นที่พอใจที่จะออกไปชมเกมโดยไม่มีความผูกพันทางอารมณ์กับสโมสร”

“พวกเราพร้อมสู้แล้ว เหล่า Supporters Trust ล่ะ (พวกคุณจะยืนเฉยอยู่เฉยๆ นานเพียงใด) ฐานแฟนคลับล่ะ ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากและความยากลำบาก เราทุกคนต้องมองหาแสงสว่างจากกันและกัน”

“เป็นทางเลือกของคุณ มันคือตอนนี้หรือไม่เลย ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม อย่าประมาทแฟนๆ และชาวแมนเชสเตอร์”