TNN เปิดประวัติ 'รูเบน อโมริม' ว่าที่กุนซือคนใหม่ แมนยู

TNN

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เปิดประวัติ 'รูเบน อโมริม' ว่าที่กุนซือคนใหม่ แมนยู

เปิดประวัติ 'รูเบน อโมริม' ว่าที่กุนซือคนใหม่ แมนยู

เปิดประวัติ มาทำความรู้จัก รูเบน อโมริม กุนซือวัย 39 ปี ชาวโปรตุกีส ที่กำลังจะกลายเป็นกุนซือคนใหม่ของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคการบริหารทีมของ Ineos

บอร์ดบริหารทัพ "ปีศาจแดง" ตัดสินใจปลด เอริค เทน ฮาก ออกจากตำแหน่ง และได้ รุด ฟาน นิสเตลรอย ทำหน้าที่คุมทีมชั่วคราว โดยสโมสร ตกลงจ่ายค่าฉีกสัญญาให้กับ ลิสบอน ในราคา 10 ล้านยูโร เป็นที่เรียบร้อย เพื่อที่จะคว้าตัว รูเบน อโมริม มาคุมทัพ


สำหรับ รูเบน อโมริม เป็นชาวโปรตุเกส เกิดวันที่ 27 มกราคม 1985 ปัจจุบันอายุ 39 ปี นับเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมฟุตบอลที่น่าจับตา โดยปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมดังในศึกพรีเมยรา ลีกา โปรตุเกส


อโมริม เริ่มฝึกเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองกลาง กับสโมสรในโปรตุเกสอย่าง แอตเลติโก้ คัลเจอรัล, เบนฟิก้า และเบเลเนนเซส หลังฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเองอย่างหนัก ในที่สุดในปี 2003 ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวกับทีมเบเลเนนเซสทีมในลีกดิวิชั่น 1 ของโปรตุเกส ก่อนที่จะเซ็นสัญญากับ เบนฟิก้า ในปี 2008 สโมสรยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของโปรตุเกส โดยลงเล่นไปทั้งหมด 154 นัดตลอด 6 ฤดูกาล ซึ่งเล่นส่วนใหญ่ในตำแหน่งกองกลาง ระหว่างนั้นเขาได้เล่นเป็นตัวหลักอยู่สม่ำเสมอ กระทั่งมีผู้เล่นใหม่เข้ามา บทบาทก็ลดน้อยลง 


ปี 2014 เขาได้รับบาดเจ็บหนักที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่า จึงต้องพักรักษาตัวอีกครั้ง จนถึงช่วงปี 2015 เขาได้ย้ายไปร่วมทีมอัล-วาคราห์ ในลีกกาตาร์ด้วยสัญญายืมตัวระยะเวลา 1 ฤดูกาล แต่ด้วยอาการบาดเจ็บยังคงเรื้อรังทำให้เล่นได้ไม่เต็มที เขาจึงตัดสินใจขอยกเลิกสัญญากับ เบนฟิก้า ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัย 32 ปี เป็นการสิ้นสุดบทบาทนักฟุตบอลไว้ที่ 14 ปี  โดยติดทีมชาติโปรตุเกส 14 นัด


อย่างไรก็ตามในปี 2018 เขาได้เริ่มเดินทางครั้งใหม่กับวงการฟุตบอลที่เขารักยิ่งอีกครั้ง โดยรับหน้าที่เป็นโค้ชให้กับคาซ่าเปีย สโมสรในดิวิชั่น 3ของโปรตุเกส ก่อนถูกแบนห้ามคุมทีมเป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากไม่ได้ผ่านใบอนุญาตโค้ชอย่างครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ จึงได้ไปเป็นโค้ชให้กับทีมสำรองของ บราก้า ก่อนได้เลื่อนขึ้นไปรับหน้าที่คุมทีมชุดใหญ่ ในช่วงปลายปี 2019 และพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพอย่างยิ่งใหญ่ใน ฤดูกาล 2019/2020


เมื่อถึงปี 2020 อโมริม ถูกดึงตัวให้มาเป็นผู้จัดการทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยค่าตัวมูลค่า 10 ล้านยูโร กลายเป็นผู้จัดการทีมที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลโปรตุเกส 


อโมริม พาสโมสรคว้าแชมป์ได้ทั้งลีกคัพ และ พรีเมยรา ลีกา โปรตุเกส เป็นการคว้าแชมป์ลีกในรอบ 19 ปีของสโมสร ประสบความสำเร็จในฐานะของผู้จัดการทีมเป็นอย่างมาก จนได้รับรางวัลผู้จัดการทีมแห่งปีของ พรีเมยรา ลีกา โปรตุเกส ประจำฤดูกาล 2020/2021


ต่อมาเขายังพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมยรา ลีกา โปรตุเกส อีกครั้งในฤดูกาล 2023/2024 โดยทำผลงานร้อนแรงดั่งไฟ คว้าชัยไป 29 นัด จาก 34 เกม และจบด้วยแต้มเหนือกว่าทีมอันดับ 2 อย่างเบนฟิก้า ถึง 10 คะแนน และในฤดูกาลนี้ (2024/25) เขานำทีมลงเล่นในลีก 9 นัด ทำผลงานชนะรวด เก็บได้ 27 คะแนนเต็ม ยิงได้ 30 ประตู เสียแค่ 2 ประตู นำเป็นจ่าฝูง


ซึ่งจากผลงานที่โดดเด่นที่ผ่านมาของ  อโมริม ที่พาทีมลิสบอนคว้าแชมป์มากมาย ทำให้สื่อโปรตุเกสมองว่าเขาควรได้รับโอกาสในการเป็นโค้ชของทีมฟุตบอลที่ใหญ่กว่าได้แล้ว โดยก่อนหน้านี้ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับหลายๆ ทีมใหญ่ในยุโรป ทั้ง ลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส และบาเยิร์น มิวนิค 


นอกจากนั้น อโมริม ยังเคยดึงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาจาก มานูเอล อูการ์เต้ จนทำให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คว้าตัวไปด้วยราคา 60 ล้านยูโร ก่อนที่จะมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน ซึ่งหาก อโมริม ได้มาทำหน้าที่ๆ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็จะเป็นการกลับมาร่วมงานกับกองกลางทีมชาติอุรุกวัยอีกครั้ง  


สำหรับการเปิดตัวและเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการของทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ รูเบน อโมริม น่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน โดยมีคาดการณ์กันว่า อโมริม จะเดินทางมายังประเทศอังกฤษช่วงสุดสัปดาห์นี้

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง