โควต้า 'แชมเปี้ยนส์ ลีก' เท่านั้น โจทย์สุดท้ายของ 'ราล์ฟ รังนิก'
ราล์ฟ รังนิก กุนซือชั่วคราวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับภารกิจที่ต้องคว้าอันดับ 1 ในท็อป 4 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า
ราล์ฟ รังนิก กุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้ระบบ 4-2-2-2 มาโดยตลอดนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมในถิ่น โอลด์ แทร็ฟอร์ด และถูกวิจารณ์มาอย่างหนัก จนกระทั่งเกมล่าสุดที่ ปีศาจแดง บุกต้อน เบรนท์ฟอร์ด 3-1 หลังจบเกม เดอะ โปรเฟสเซอร์ ยอมรับว่าเกมในครึ่งแรกเป็นรอง เบรนท์ฟอร์ด แต่การกำชับให้ลูกทีมเน้นบอลโด่งในครึ่งหลัง กลายจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ ยูไนเต็ด ได้ 3 แต้มอันล้ำค่า
"ผมคุยกับนักเตะช่วงพักครึ่งเราเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพราะเราไม่ดีพอในครึ่งแรก การผ่านบอลแย่มาก เราไม่แข็งแกร่งมากพอในจังหวะ 50-50 และเราเก็บบอลจังหวะสองไม่ได้เลย"
"ครึ่งหลังเราเร่งเกมให้เร็วขึ้น และเราจู่โจมพวกเขาด้วยลูกกลางอากาศ มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ดาบิด เด เคอา เซฟได้เยี่ยมในครึ่งแรก เขาเจ็บเล็กน้อย และเพิ่งหายไม่นาน มันเหมือนเกมกับ วิลล่า เราต้องตั้งรับหลังจากนำหน้า และเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเล่นหลังห้า แม้ว่าเราจะเก็บคลีนชีตไม่ได้ แต่มันก็สำคัญที่มันไม่เกิดเหตุการณ์แบบนัดก่อนอีก"
ที่มาภาพ : AFP
แอนโธนี่ อีแลงก้า แนวรุกอนาคตไกลชาวสวีเดน กลายเป็นความหวังใหม่ของเหล่า เร้ด อาร์มี่ ไปแล้ว หลังจากยิงประตูที่ 2 ในสีเสื้อทีมชุดใหญ่ของ ปีศาจแดง ซึ่งทั้งสองประตูมาจากการบุกไปเป็นทีมเยือน
“แอนโธนี่ อีแลงก้า โชว์ฟอร์มได้ดีเช่นเดียวกับนัดดวลกับ วิลล่า เขาเด่นมากในครึ่งหลัง เขาทำงานหนักในการไล่บอล และจากนั้นเขาก็ทำประตูแรกได้ แต่ผมแฮปปี้กับฟอร์มของคนอื่นเช่นกัน โดยเฉพาะสามนักเตะหนุ่มอังกฤษ”
ยูไนเต็ด จบเกมด้วยสถิติการครองบอลที่เหนือกว่าที่ 56.3 เปอร์เซนต์ ในขณะที่ เบรนท์ฟอร์ด 43.7 เปอร์เซ็น แต่ในขณะที่โอกาสจบสกอร์เจ้าบ้าน เบรนท์ฟอร์ด ทำได้มากกว่าถึง 26 ครั้งตรงกรอบถึง 8 ครั้ง แต่ก็ได้ ดาบิด เด เคอาอีกนั่นแหละช่วยชีวิต ปีศาจแดง ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
โอกาสยิงของ ยูไนเต็ด อยู่ที่ 18 ครั้งตรงกรอบเพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น แต่ก็เป็น 5 ครั้งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ เปลี่ยนมาเป็น 3 ประตูในเกมนี้ การผ่านบอลเด็กๆของ รังนิก ผ่านบอลไป 519 ครั้ง และสัมผัสบอลไปทั้งสิ้น 728 ครั้ง
ผู้เล่นอีกหนึ่งคนที่หากจะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ นั่นก็คือกองกลางชาวบราซิลอย่าง เฟร็ด ที่ฟอร์มยังคงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามในเกมล่าสุด เฟร็ด ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ แถมยยังแอสซิสต์ให้กับทีมได้อีก 1 ครั้งด้วยการจ่ายคิลเลอร์พาสให้ แอนโธนี อีลังก้า ยิงประตูแรก โดยเป็นอีกเกมที่ เฟร็ด ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
สถิติของ เฟร็ด ในเกมชนะ เบรนท์ฟอร์ด : 1 แอสซิสต์ // แท็คเกิล 5/5 ครั้ง (100%) // ตัดบอล 2 ครั้ง // เลี้ยงบอลสำเร็จ 2 ครั้ง // ความแม่นยำในการจ่ายบอล 83% // แย่งบอลกลับคืน 10 ครั้ง ที่สำคัญ เฟร็ด มีส่วนร่วมถึง 4 ประตูที่ทีมทำได้ในเกมพรีเมียร์ลีก 7 นัดหลังสุด (1 ประตู 3 แอสซิสต์) ตัวเลขนี้เทียบเท่ากับ 86 เกมก่อนหน้านี้ที่เขาเล่นให้กับสโมสร
ส่วนคู่หูของ เฟร็ด อย่าง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมเช่นกันโดยมีสถิติเข้าสกัดชนะ 100% ความแม่นยำในการผ่านบอล 90% (มากที่สุด) // สัมผัสบอล 64 ครั้ง // ผ่านบอล 48 ครั้ง // แย่งบอลคืน 11 ครั้ง
ในขณะที่สถิติของ บรูโน่ แฟร์นานเดส กองกลางโปตุกีสที่กลับมายิงประตูได้อย่างต่อเนื่องในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด : ความแม่นยำในการจ่ายบอล 81% // สัมผัสบอล 78 ครั้ง // ผ่านบอลในพื้นที่สุดท้าย 25 ครั้ง (มากที่สุด)
// สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง 5 ครั้ง // โอกาสยิง 2 ครั้ง // 2 แอสซิสต์
สำหรับชัยชนะนัดดังกล่าวนอกจากจะเป็นชัยชนะเกมเยือนนัดที่ 300 ของ ยูไนเต็ด แล้ว ยังเป็นการทำสถิติไม่แพ้ใครในการบุกมาเยือนทีมจากกรุงลอนดอน 13 เกมติดต่อกัน
ที่มาภาพ : AFP
ส่วนประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างเผ็ดร้อนที่ ราล์ฟ รังนิก ตัดสินใจเปลี่ยนคริสเตียโน โรนัลโด้ ออกจากสนาม ก่อนส่ง แฮร์รี แม็คไกวร์ ลงไปเล่นแทน สร้างความไม่พอใจให้ CR7 อย่างมาก ถึงขนาดบ่นพึมพำ พร้อมกับปาเสื้อวอร์มลงพื้นหลังถูกถอดออก อย่างไรก็ตาม หลังจบเกม ราล์ฟ รังนิก เผยคำพูดที่ช่วยให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หายหัวร้อนว่า
“มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้สึกแฮปปี้ แต่ โรนัลโด เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ผมดีใจที่เขาได้ลงเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ คาวานี ยังไม่สามารถซ้อมได้ เราอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายเกมกับ แอสตัน วิลลา เรานำอยู่ถึง 2-0 ในครึ่งหลัง และผมไม่ต้องการที่จะพลาดแบบเดิมอีก”
“ผมบอกว่า ‘ฟังนะคริสเตียโน นายอายุ 36 แล้ว ถึงแม้จะยังยอดเยี่ยมอยู่ และมีความทะเยอทะยานที่จะทำประตูเพิ่ม แต่ในอีก 2 ปีข้างหน้า ถ้าก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชแบบผม คุณก็ต้องมองเกมนี้ในฐานะของเฮดโค้ชด้วย’ งานของผมคือการตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของสโมสร ดังนั้นผมจึงหวังว่า เขาจะมองมันไปในทิศทางเดียวกัน”
ไม่ทันข้ามวันก็มีกระแสข่าวออกมาว่าเอเย่นต์ส่วนตัวของ โรนัลโด้ เรีิ่มสร้างคลื่นใต้น้ำด้วยการให้ข่าวว่านักเตะในการดูแลของตัวเองพร้อมที่จะพิจารณาถึงการย้ายออกจากถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งหากพลพรรค ปีศาจแดง ไม่สามารถคว้าโควตาไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้าได้
ดังนั้นมีน่าจะเป็นโจทย์ที่ยากพอสมควรของ เดอะ โปรเฟสเซอร์ ที่นอกจากจะต้องเฟ้นหากุนซือคนใหม่เข้ามาคุมทีมต่อจากตัวเอง พร้อมกับขยับขึ้นไปเป็นที่ปรึกษาของทีมด้วยสัญญา 2 ปีแล้ว ยังต้องวางรากฐานให้ผู้ที่จะเข้ามารับไม้ต่อทำงานง่ายด้วย
ซึ่งการรั้ง โรนัลโด้ ก็คงไม่ต้องเจรจารายการให้เสียเวลาหากแต่ว่าทำผลงานในสนามไทยคว้าอันดับ 4 มาให้ได้เท่านั้นนั่นก็ถือเป็นการรั้งซูเปอร์สตาร์โปรตุเกสให้อยู่กับทีมต่อไป ซึ่งนี่น่าจะเป็นภารกิจสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้การคุมทีมในฐานะกุนซือขัดตาทัพของ ราล์ฟ รังนิก ด้วย
สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมลงสนามอีกครั้ง โดยจะเปิดบ้านรับมือ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในคืนวันเสาทร์ที่ 22 มกราคมนี้ เวลา 21.00 น. ณ สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด