ณวัฒน์-ชาล็อต โล่ง! ตร.รวบหนึ่งใน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงินได้แล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดกรณี นางงามสาว ชาล็อต ออสติน ที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ อ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ หลอกเงินเป็นจำนวน 4 ล้านบาท พร้อมทั้งควบคุมการสื่อสาร บังคับให้วิดีโอคอลตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา

ภาพจาก : itscharlotty

วันนี้(15ธ.ค.) ณวัฒน์ อิสรไกรศีล บอสใหญ่แห่งบ้านมิสแกรนด์ พร้อมด้วย ชาล็อต ออสติน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนงานร่วมชมซีรีส์ "หยดฝนกลิ่นสนิม (PETRICHOR THE SERIES)" EP5 ที่สยามพารากอน ว่า..

"เรื่องคดีล่าสุดจับได้แล้ว ตอนนี้ เวลานี้ วินาทีนี้ กำลังสอบสวนอยู่ ซึ่งมีความคืบหน้าค่อนข้างดี เดี๋ยวนัดรวมทุกอย่างแล้วแถลงข่าวในวันที่ 20 ธันวาคม ตอนเวลา 13.00 น. แต่สิ่งที่ดีมากๆเลยคือมันไม่ใช่บัญชีม้า ซึ่งน่าจะเป็นคนที่ร่วมโครงการเดียวกันเพราะว่า จับได้ว่าเขามีการออกไปประเทศเพื่อนบ้าน และมีการสแกนหน้าออกและเข้าหลายรอบ ซึ่งแสดงว่าไม่ใช่เป็นการเปิดบัญชีเพียงแค่เป็นทางผ่านการขายเป็นบัญชี โดยในความรู้สึกและข้อเท็จจริงเป็นผู้ร่วมขบวนการ ส่วนเงิน 4,000,000 บาท ผมมองว่ามีโอกาสที่จะได้คืน แต่จะได้ครบหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่ทราบ แต่เนื่องเขาไปเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่น แต่รู้ว่าจะไปในเส้นทางไหน 

เราขอยืนยันอีกครั้ง องค์กรที่เปลี่ยนเงินสดให้เป็นออเล็กทรอนิกส์ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าใคร เพราะฉะนั้นให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ผมจะยังไม่พูดชื่อสถาบัน แต่ถ้ายังไม่ให้ความร่วมมือ หรือไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้ วันที่ 20 ธันวาคมนี้ เราจะพูดชื่อสถาบันของคุณแบบชัดเจน โดยที่มีหลักฐาน เพราะฉะนั้นแอพลิเคชั่นและสถาบันที่ขึ้นต้นด้วยตัว B กรุณารับผิดชอบด่วนที่สุด

และขอบอกแทนตำรวจนิดนึงว่า ตำรวจไม่ได้เลือกทำแค่คดีชาล็อตนะ เดี๋ยวทุกคนจะหาว่าพอเป็นชาวบ้านก็ช้า จริงๆอยากทำให้หมดแหละ เนื่องจากว่าพอเป็นคดีเรา คนอื่นให้ความร่วมมือเร็ว อันนี้ตรงพูดตรงๆ คือตำรวจไปเร็วอยู่แล้ว แต่พอตำรวจไปขออะไรบางทีก็อาจจะช้าบ้าง แต่ข้อดีคือเคสของชาล็อตเราทำให้เป็นเคสตัวอย่าง ส่วนนึงก็คือเราเป็นคนสาธารณะมันก็เลยทำให้เราร้องได้เร็วกว่า เสียงเราดังกว่า แต่เจ้าหน้าที่เขาคงทำงานเต็มที่แล้วในทุกเคส"

ภาพจาก : nawat.tv

ส่วนทางด้านของ ชาล็อต ได้กล่าวว่า "ก็ดีใจที่จับเจ้าของบัญชีมาได้เรียบร้อยแล้ว คือหนูก็อยากจะบอกว่าเข้าใจในบัญชีม้า ซึ่งคนที่เปิดบัญชีมาจะมีมีอยู่สามประเภท 1.ไม่รู้ตัว 2.รู้ตัว 3.ถูกหลอก แต่ในเคสนี้คือรู้ตัวว่า ตัวเองได้ร่วมมือกับมิจฉาชีพ คือเราก็อยากจะถามเหมือนกันว่า คุณสามารถกินอยู่นอนหลับสบายได้อย่างไรในความเดือดร้อนของคนอื่น คือบางคนไม่ได้แค่เสียใจ ไม่ได้เสียความรู้สึก แต่บางคนถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มี ซึ่งเราก็อยากเจอบุคคลดังกล่าวมากๆ 

ส่วนเงิน 4 ล้าน ใจ100%ก็ยังหวังที่จะได้เงินคืนมา แต่ก็ต้องสืบไปถึงการเดินสายบัญชีไปว่าจะดึงกลับมาได้แค่ไหน แต่ได้แค่ไหนก็แค่นั้น แต่ว่าขอให้ลงโทษผู้ที่ทำผิดจริงๆให้ถูกต้อง เพราะว่าไม่ใช่แค่ตัวเราที่เดือดร้อน ยังมีผู้เสียหายอีกหลายท่าน"

ภาพจาก : itscharlotty

ภาพจาก : itscharlotty

ภาพจาก : 

อินสตาแกรม itscharlotty / nawat.tv