TNN ธุรกิจหั่นงบ-มุ่งกำไร เข้าสู่ยุครัดเข็มขัด! l การตลาดเงินล้าน

TNN

เศรษฐกิจ

ธุรกิจหั่นงบ-มุ่งกำไร เข้าสู่ยุครัดเข็มขัด! l การตลาดเงินล้าน

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เห็นสัญญาณปีนี้ยากลำบาก ทั้งค่าเฉลี่ยงบการตลาดปีนี้ ก็ติดลบปีแรก กระทบแผนและความสำคัญการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนไป คือมุ่งไปที่การทำกำไร ก่อนสังคมและสิ่งแวดล้อม

ผลสำรวจ มาร์เก็ตติง เทรนด์ : 2025 เวย์ ฟอร์เวิร์ด ซึ่งจัดทำโดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย พบว่าร้อยละ 55 ของผู้บริหารระดับสูงในองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยการตลาด มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2025 หรือ พ.ศ.2568 นี้ จะไม่เติบโต และโดยรวมคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพียงเล็กน้อย หรือที่ร้อยละ 1.65 เท่านั้น 

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการตลาด 3 อันดับแรก ได้แก่ เศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ มาเป็นอันดับแรก ถัดมาคือการใช้ดิจิทัลในชีวิตประจำวัน จากนั้น ถึงจะให้ความสำคัญกับเรื่อง คุณภาพ ตามมาเป็นอันดับ 3 

นอกจากนี้ ผู้บริหารถึงร้อยละ 77.6 เห็นว่าปีนี้จะไม่เพิ่มงบประมาณการตลาด โดยการทำตลาด จะมุ่งเน้นการใช้งบไปในด้าน คอนเทนต์ แพลตฟอร์ม เป็นหลัก ควบคู่ไปกับ คอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม 

ดร.เอกก์ ภทรธนกุล อุปนายกฝ่ายกิจกรรม การสื่อสาร และการตลาดยั่งยืน สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย บอกด้วยว่า ปีนี้ ถือเป็นปีแรกนับตั้งแต่มีการสำรวจมา ที่ค่าเฉลี่ยของการตั้งงบการตลาด ลดลง ที่ร้อยละ 0.41 (ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ติดลบ) และจากผลสำรวจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า ปีนี้ จะเป็นปีที่ยากลำบากมากขึ้นสำหรับการทำการตลาด ทั้งยังทำให้มุมมองการทำตลาดเปลี่ยนไปอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ยังมี 3 อุตสาหกรรมที่ลงทุนได้และมีแนวโน้มเติบโตได้มากกว่าเศรษฐกิจ 

จากความท้าทาย และสัญญาณที่ไม่นักต่อเศรษฐกิจ การตลาด ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อาจเป็นทั้งจุดเปลี่ยน และจุดเริ่มต้นของการเกิดสงครามทางการตลาด ที่เป็นจังหวะในการต่อสู้ ช่วงชิง แสวงหาจุดต่างและสร้างจุดร่วม ปรับตัว สร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

ซึ่งแนวทางการปรับตัวที่สมาคมการตลาดฯ พูดถึงมี 4 ข้อ เรียกว่าคาถา A B C D ได้แก่

A คือ AI ใช้ปัญญาประดิษฐ์ ในการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และการทำ เพอร์เซอนอลไลซ์ด์ มาร์เก็ตติ้ง สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และคู่ค้า

ต่อมา B คือ Balance สร้างความสมดุลระหว่างความรวดเร็วและความรอบคอบในการดำเนินกลยุทธ์และลงทุน กับการจัดการความเสี่ยง แต่ก็ต้องเร็วและอยู่บนความเข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง

C คือ Clear  ชัดเจน ไม่สะเปะสะปะ วางแผนการใช้งบการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่หว่าน(แห)

และสุดท้าย D คือ Data ชิงชัยด้วยข้อมูล เก็บ วิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีคุณภาพ เพื่อสร้างความผูกพันทางอารมณ์และความรู้สึกกับลูกค้า เพื่อที่จะได้รู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจพวกเขาอย่างแท้จริง

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง