กนง.ย้ำเหตุคงดอกเบี้ยเก็บกระสุนไว้ยามจำเป็น
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 ซึ่ง กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ต่อปี เนื่องจากคณะกรรมการฯ ประเมินว่าการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (policy space) มีความจำเป็นเพิ่มขึ้นภายใต้ความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น
กนง. มองว่า เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันจากภายนอกที่รุนแรงขึ้น และความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้น แต่ยังสามารถขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยในปี 67 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว 2.7% และปี 68 คาดว่าจะขยายตัว 2.9% โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญจาก 1. ภาคการท่องเที่ยว ขยายตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยว และค่าใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้น
โดยคาดว่าในปี 67 จำนวนนักท่องเที่ยวจะอยู่ ที่ 36 ล้านคน ส่วนในปี 68 จะอยู่ที่ 39.5 ล้านคน 2. การบริโภคภาคเอกชนที่แม้ชะลอลง แต่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง และ 3.การส่งออกสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์และหมวดเครื่องจักร ที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามวัฏจักรสินค้าเทคโนโลยี ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ในปี 68
พร้อมกันนั้น กนง.ยังมองว่า ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอน ทั้งในมิติรูปแบบและความเข้มของนโยบาย ระยะเวลาการเริ่มบังคับใช้ และมาตรการตอบโต้ของประเทศต่าง ๆ
โดยในระยะสั้น การส่งออกสินค้าไทยอาจเร่งขึ้นก่อนที่นโยบายจะมีผลบังคับใช้ สำหรับในระยะปานกลาง ผลกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนของไทยมีความไม่แน่นอน ขึ้นกับความเป็นไปได้ของการย้ายฐานการผลิต และความสามารถในการแข่งขันกับจีน ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดภูมิภาค นอกจากนี้ ภาคการส่งออกสินค้า อาจเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้น้อยลงกว่าในอดีต
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 67 คาดว่าจะอยู่ที่ 0.4% ส่วนปี 68 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.1% อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และยังช่วยให้ระดับราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ไม่ปรับเพิ่มขึ้นมาก จึงมีส่วนช่วยบรรเทาค่าครองชีพ โดยเฉพาะของกลุ่มครัวเรือนที่รายได้ฟื้นตัวช้า"
ขณะที่สินเชื่อชะลอลงในช่วงที่ผ่านมาจากความต้องการลงทุนในบางสาขาธุรกิจลดลง การชำระคืนหนี้ที่กู้ยืมไปในช่วงวิกฤตโควิด-19 และความเสี่ยงด้านเครดิตที่อยู่ในระดับสูง โดยต้องติดตามผลกระทบของสินเชื่อที่ลดลงต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงผลกระทบที่อาจมีต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจโดยรวมโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ฟื้นตัวช้า และภาระหนี้สูง
ข่าวแนะนำ