อินโดนีเซียขาดดุลงบปี 67 ต่ำกว่าร้อยละ 2.7
อินโดนีเซียขาดดุลงบประมาณปี 67 ต่ำกว่า 2.7% ของ GDP ส่วน เงินเฟ้อเดือนธ.ค. อยู่ที่ 1.57% ตามคาด
ศรี มุลยานี อินทราวตี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 2567 ต่ำกว่าประมาณการล่าสุดของรัฐบาลที่ 2.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ทั้งนี้ รมว.คลังอินโดนีเซียไม่ได้ระบุตัวเลขที่แน่นอน แต่กล่าวว่า ยอดขาดดุลงบประมาณนั้นเกือบเท่ากับตัวเลขประมาณการเดิมของรัฐบาลซึ่งตั้งเป้าจะรักษาช่องว่างทางการคลังไว้ที่ 2.29% ของ GDP
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ... นั่นหมายความว่าปิดปี 2567 ด้วยงบประมาณที่ค่อนข้างดีและปลอดภัย ซึ่งจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการก้าวเข้าสู่ปี 2568"
นอกจากนี้ รมว.คลังอินโดนีเซียยังเผยด้วยว่า รายได้โดยรวมเติบโตขึ้น แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่รายจ่ายเติบโตมากกว่า 6% จากปี 2566 เนื่องด้วยการใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง การก่อสร้างโครงการเมืองหลวงใหม่ และโครงการสวัสดิการเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุ ว่า เงินเฟ้อรายปีของอินโดนีเซียในเดือนธ.ค. 2567 อยู่ที่ 1.57% เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 1.55% ในเดือนก่อนหน้า และใกล้เคียงกับตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์ได้คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.60%
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานรายปี ซึ่งไม่รวมราคาที่รัฐบาลควบคุมและราคาอาหารที่ผันผวน อยู่ที่ 2.26% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเท่ากับเดือนพ.ย. และใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ไว้ในโพลสำรวจที่ระดับ 2.28%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อในปี 2567 และ 2568 ไว้ในช่วง 1.5% - 3.5%
ผู้กำหนดนโยบายของ BI กล่าวอยู่บ่อยครั้งว่า พวกเขากำลังติดตามความเคลื่อนไหวทั่วโลก เพื่อกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการผ่อนปรนการดำเนินนโยบายการเงินต่อไป
BI ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. แต่ได้หยุดชะงักไปตั้งแต่นั้นมา แม้อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดของช่วงเป้าหมาย เพราะตลาดการเงินผันผวนและเงินสกุลเงินรูเปียห์อ่อนค่า
ที่มา TNN
ข่าวแนะนำ