ร้อนแรง! เปิดแผน "หงส์ไทย" สู่เป้า 1,000 ล้านบาท l การตลาดเงินล้าน
หงส์ไทย ยาดมและยาหม่องสมุนไพร แบรนด์ไทยที่พุ่งแรง มีเป้าหมายในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเริ่มส่งออก และมียอดขายแตะ 1,000 ล้านบาท
คุณ ธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด กล่าวถึงแผนธุรกิจในระยะข้างหน้า บอกว่า ปี 2568 เป็นปีที่จะต้องเร่งผลิตให้ทันกับความต้องการของลูกค้า เนื่องจากว่า หงส์ไทย เริ่มผลิตไม่ทันมาตั้งแต่กลางปี 2564 จึงได้เพิ่มพนักงานในส่วนผลิตมาต่อเนื่องทุกปี จากที่มีอยู่จำนวน 100 คนในปี 2564 เป็นจำนวนกว่า 600 คนในปี 2567 ซึ่งก็ยังผลิตไม่ทันกับความต้องการ ทำให้คาดว่าปี 2568 นี้จะเพิ่มพนักงานอีกเป็นจำนวนกว่า 700 คน
ส่วนด้านผลิตภัณฑ์ ปี 2568 จะมีคอลเลคชันใหม่ เพิ่มเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่า 3 รูปแบบ ซึ่งการออกรูปแบบใหม่ในแต่ละครั้ง จะพัฒนาต่อยอด มาจากคำแนะนำ และความต้องการของลูกค้าเอง รวมถึงยาดมกระปุกหงส์ไทย ที่ผลิตในปี 2568 จะไม่หกกระจายอีก เพราะช่วงที่ผ่านมา ได้ซื้อเครื่องจักรมา 40 ตัวเพื่อเย็บผ้าห่อ และมีตะแกรงกั้นอีกชั้น เพื่อป้องกันการหกหล่น
นอกจากนี้ จะลงทุนอีก 150 ล้านบาท ขยายโรงงานแห่งใหม่อีก 3 แห่ง เป็นโรงงานผลิตสำหรับส่งออก ที่จะเริ่มเดินหน้าในปี 2569 ซึ่งเน้นขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน เพื่อเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ก่อนจะขยายไปตลาดอื่น ๆ
ส่วนเป้าหมายยอดขาย คาดว่าปี 2568 มีเป้าหมายที่ 700 ล้านบาท และปี 2569 ซึ่งเป็นปีแรกที่จะเริ่มส่งออก และมีเป้าหมายยอดขายไปสู่หลัก 1,000 ล้านบาท
จากเป้าหมายยอดขายของปี 2567 คุณ ธีระพงศ์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าจะมียอดขายที่ราว 500 ล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2566 ที่มียอดขาย 350 ล้านบาท
สำหรับ จุดแข็งของ หงส์ไทย อยู่ที่คุณภาพของสินค้าที่มีมาตรฐาน ทั้งพัฒนาให้ดีขึ้นจากการเก็บข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดการบอกต่อ ซื้อเป็นของขวัญ ของฝาก สะท้อนถึงความจริงใจ และเสน่ห์ความเป็นไทยผ่านตัวผลิตภัณฑ์
ส่วนการทำธุรกิจ จะเน้นทำธุรกิจแบบไม่มีหนี้ และจะลงทุนก็ต่อเมื่อมีความพร้อม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีความพร้อม จึงเดินหน้าขยายธุรกิจในทุกเรื่อง แต่การเติบโตมาในรูปแบบของมูลนิธิ ที่ทำเพื่อคนไทย ทำให้ คุณ ธีระพงศ์ บอกว่า ในอนาคต ยังไม่มีแผนการขายหุ้น แม้ที่ผ่านมา จะมีผู้สนใจอยากเข้าร่วมลงทุนก็ตาม และคิดว่าภายในระยะ 5 ปีจากนี้ ยังไม่คิดขายหุ้น หรือนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะยังต้องการทำประโยชน์ให้กับคนไทยให้มากที่สุด เท่าที่คนไทยให้โอกาสมา
ข่าวแนะนำ