TNN ธุรกิจดีลเลอร์รถสันดาปภายใน ติดอันดับ "ธุรกิจร่วง" ปี 2568 l การตลาดเงินล้าน

TNN

เศรษฐกิจ

ธุรกิจดีลเลอร์รถสันดาปภายใน ติดอันดับ "ธุรกิจร่วง" ปี 2568 l การตลาดเงินล้าน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดธุรกิจรุ่ง-ร่วง ปี 2568 พบธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์สันดาปภายใน ติดอันดับ "ธุรกิจร่วง" ปี 2568

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในปี 2568 จะต้องสอดรับไปกับเทรนด์ผู้บริโภคโดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการทำให้สินค้าหรือบริการมีความคุ้มค่าคุ้มราคา และมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้ทันกระแส รวมถึงตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืน ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ, การแพทย์และความงาม, ท่องเที่ยว/ฮีลใจ, สินค้าและบริการเด็ก, ธุรกิจกรีน/ปล่อยคาร์บอนต่ำ

ขณะที่ ธุรกิจที่มีความเสี่ยงในปี 2568 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับสินค้ากึ่งคงทนและคงทนที่ถูกกดดันจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ อีกทั้งยังต้องแข่งขันรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีน รวมถึงธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนสูงก็มีความเสี่ยงที่ยอดขายลดลงจากเทรนด์ความยั่งยืนที่เติบโต ได้แก่ ผลิตสินค้าแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง, ดีลเลอร์รถยนต์สันดาป, อสังหาริมทรัพย์, Trader ซื้อมาขายไป, ธุรกิจปล่อยคาร์บอนสูง 

อย่างไรก็ดี รายได้และความสามารถในการทำกำไรของแต่ละผู้ประกอบการในธุรกิจรุ่ง-ร่วง อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเฉพาะ ซึ่งคงจะไม่ได้รุ่งหรือร่วงตามธุรกิจในภาพใหญ่ ขณะที่ ตลาดในยุคปัจจุบันมีความซับซ้อนและแตกย่อยมากขึ้น (Fragmented) ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และการแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้าและบริการ และพร้อมปรับตัวรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไวอยู่เสมอ 

นอกจากนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองการเติบโตของธุรกิจในปี 2568 ยังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย 

1.จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แม้ว่าอาจได้แรงหนุนบางส่วนจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ แต่ด้วยค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงระมัดระวังหรือฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยประเมินว่า ปี 2568 การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มเติบโตร้อยละ 2.4 ชะลอลงจากปี 2567 ที่จะโตราวร้อยละ 4.6

2.แข่งขันรุนแรงต่อเนื่องกับสินค้านำเข้า โดยเฉพาะสินค้าจีนราคาถูก เช่น เหล็ก แฟชั่น ของใช้ส่วนตัว เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เป็นต้น ซึ่งไทยมีมูลค่านำเข้าสินค้าทั้งหมดจากจีน คิดเป็น 1 ใน 4 ของการนำเข้าสินค้าทั้งหมด รวมถึงยังมีความเสี่ยงจากนโยบายของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและประเทศต่าง ๆ ทำให้อาจเห็นการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนมากขึ้น และส่งผลให้ธุรกิจที่ดำเนินกิจการในไทยแข่งขันลำบาก สะท้อนจาก อัตราการใช้กำลังการผลิต 10 เดือนแรกของปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 58 ลดลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา ที่โตเฉลี่ยร้อยละ 62.5 (ปี 2564-2566)

3.สังคมสูงอายุกดดันการใช้จ่าย ไทยจะเข้าสู่ Super-aged Society ในปี 2571 หรือมีจำนวนผู้สูงอายุราว 14 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด แต่ผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 34 มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี สะท้อนถึงการใช้จ่ายที่จำกัด ขณะเดียวกัน ค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จะยิ่งกดดันค่าใช้จ่ายในภาพรวม จากการที่ผู้สูงอายุเสี่ยงเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า สัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้สูงอายุจะอยู่ที่ราวร้อยละ 37 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งมากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ ร้อยละ 3 

และ 4.สภาพอากาศแปรปรวนที่เกิดถี่และรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบหรือสร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งภาคเกษตร รายได้ครัวเรือนและธุรกิจ รวมถึงสิ่งปลูกสร้าง/ที่อยู่อาศัย 

นอกจากนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายประเทศทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จนนำมาซึ่งการออกมาตรการต่างๆ ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น CBAM, พ.ร.บ. Climate Change ซึ่งส่งผลกระทบต่อเจ้าของกิจการ โดยเฉพาะที่พึ่งพาตลาดต่างประเทศที่เข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สหภาพยุโรป ทำให้มีต้นทุนในการปรับตัวของธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และต้องใช้เวลากว่าที่จะได้ผลตอบแทนกลับมาจากการเปลี่ยนผ่านเพื่อตอบรับกับประเด็นนี้

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง