สมาพันธ์SMEร้องรัฐให้เงินอุดหนุนควบคู่ค่าแรง

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่าการ ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุด 400 บาทใน 4 จังหวัดและ 1 อำเภอ ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่เศรษฐกิจหลักทั้งภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนอย่าง EEC ซึ่งมีเม็ดเงินสะพัด มีการจ้างงานมาก ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งแรงงานส่วนใหญ่ก็จะได้ค่าจ้างเกินกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว การปรับขึ้นในลักษณะนี้มองว่าจะช่วยลดผลกระทบในแง่ค่าครองชีพที่ไม่สอดคล้องกับรายได้ในช่วงที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันในส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อย ซึ่งมีอยู่ราว 2.7 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 85% ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ แม้ว่าแต่ละธุรกิจจะจ้างคนงานไม่มากนัก แต่ด้วยขีดความสามารถที่ยังไม่ฟื้น การปรับขึ้นค่าแรงก็ย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการควบคู่ โดยให้กระทรวงแรงงานเป็นเจ้าภาพ เช่น สำนักงานประกันสังคม ซึ่งมีบริษัทที่ขึ้นทะเบียนในระบบ 4.8 แสนราย และมีแรงงานตามมาตรา 33 ที่อยู่ในระบบ จับมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดโครงการยกทักษะแรงงาน การสนับสนุนงบประมาณ นำโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บริหารสต๊อกคงคลังมาช่วยผู้ประกอบการโดยติดตั้งพร้อมอบรมให้ฟรี โดยรัฐให้เงินอุดหนุน เป็นต้น จากนั้น จึงขยายไปสู่การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ที่อยู่ในมาตรา 40 เช่นเดียวกับประเทศอินโดนีเซียและสิงคโปร์ ซึ่งรัฐจัดตั้งกองทุนและมีเงินอุดหนุนให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าโตต่ำกว่า3% โดยอาจขยายตัวที่ 2.5 % บวก-ลบ จากปัญหาเศรษฐกิจโลก, ปัญหาที่สงครามยังไม่จบสิ้น และความกังวลต่อความพร้อมของไทยในการรองรับปัญหาภัยพิบัติ ซึ่งอาจจะกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ อีกทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจแค่เพียงฐานบนแต่ไม่ถึงเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 35% ของจีดีพีทั้งประเทศ

ที่มา TNN