เคทีซี-สภาพัฒน์ ชี้ศก.ปี68 โตร้อยละ 3

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เผยถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 2.7 โดยไตรมาส 4/2567 จีดีพีจะขยายตัวได้ร้อยละ 4 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และการขยายตัวของการส่งออก

แต่ในปี 2568 นั้นมองว่า เศรษฐกิจจะเติบโตราวร้อยละ 3 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลกองทุน การเงินระหว่างประเทศ  หรือ ไอเอ็มเอฟที่คาดการณ์ ว่า จีดีพีจะขยายตัว ร้อยละ 2.9 แต่ทั้งนี้แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอนสูง จากการชนะการเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ และความเสี่ยงของภูมิรัฐศาสตร์ 

ดังนั้นหากมองไปในปี 2568 จะมี 4 ปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ คือ 1.การส่งออกสินค้า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของจีดีพี โดยการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ เท่ากับเกือบร้อยละ 10 ของจีดีพี จะมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโอกาสที่มีผลกระทบทางลบหรือความเสียหายมาก และตลาดยุโรปกับจีนก็ดูจะไม่แข็งแรง

2.ท่องเที่ยวคงจะฟื้นตัวต่อไป คือจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2568 น่าจะกลับไปที่ 40 ล้านคน เท่ากับปริมาณก่อนการระบาดของโควิด แต่รายจ่ายต่อหัวจะยังต่ำกว่า 

3.แรงกระตุ้นจากภาครัฐ คงจะมีต่อเนื่องถึงประมาณกลางปีหน้า จากการแจกเงินก้อนสุดท้าย และการเร่งใช้งบลงทุน แต่การที่รัฐมนตรีคลังพูดถึงการเก็บภาษีเพิ่ม แปลว่า นโยบายการคลังน่าจะตึงตัวขึ้น

4.นโยบายการเงินนั้น ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งในปี 2568 เพราะเงินเฟ้อต่ำมาก 

ด้านนายอภิเชษฐ์ เกียรติวรคุณ ผู้อำนวยการ - การเงิน "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตร้อยละ 2.9 ในปี 2568 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตและการส่งออกในภูมิภาค และคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.50-2.00 สอดคล้องกับทิศทางทั่วโลก เนื่องจากเงินเฟ้อชะลอตัว

ที่มา TNN