เด็กจบใหม่หางานยาก-ตกงานนานขึ้น

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาส 3 ของปี 2567 เกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานว่า ผู้ว่างงานปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  โดยไตรมาสสาม ปี 2567 มีจำนวน 410,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 คิดเป็นอัตราว่างงานร้อยละ 1.02 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.99 ในปีก่อน  ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยทำงานมาก่อน 

โดยผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 หรือมีจำนวน 180,000  คน ส่วนใหญ่ออกมาจากสาขาการขายส่ง/ขายปลีก และสาขาการผลิต  ขณะที่กลุ่มที่ไม่เคยทำงานมาก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5  หรือมีจำนวน 230,000  คน ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาสูงสุดในระดับอุดมศึกษา มัธยมปลาย และมัธยมต้น ตามลำดับ  

นอกจากนี้พบว่า ผู้ว่างงานระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 16.2 หรือมีจำนวน 81,000  คน โดยกว่าร้อยละ 65.0 ระบุสาเหตุว่าหางานไม่ได้  ขณะที่ร้อยละ 71.3 ไม่เคยทำงานมาก่อน ซึ่งในจำนวนนี้เกือบ 3 ใน 4 อยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปี 

เลขาธิการสภาพัฒน์กล่าวว่า ผู้ที่ไม่เคยทำงานมาก่อน หรือเพิ่งจบการศึกษาตกงานนานขึ้น หรือเป็นผู้ว่างงานระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเริ่มมีอุตสาหกรรมใหม่ๆ  ซึ่งมีความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย อาทิ กิจการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ การประกอบและทดสอบเซมิคอนดักเตอร์และวงจร การผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การผลิเครื่องจักรความแม่นยำสูง การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งอาจมีการจ้างแรงงานไทยประมาณ 170,000 คน

ดังนั้น เพื่อบรรเทาความเสี่ยงต่อสถานะการจ้างงานของแรงงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อาจต้องมีนโยบายหรือมาตรการในการส่งเสริมการปรับตัวของผู้ประกอบการให้สามารถมีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานการผลิตแบบใหม่ หรือส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตอื่น ตลอดจนมีแนวทางในการ upskill และ reskill ให้แก่แรงงาน เพื่อให้สามารถปรับตัวหรือเปลี่ยนอุตสาหกรรมได้ 

ที่มา TNN