สงครามการค้า-อสังหาฯจีนส่อทุบศก.เอเชีย

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า เศรษฐกิจเอเชียอาจเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้าที่รุนแรงขึ้น ประกอบกับวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน และตลาดหุ้นที่อาจผันผวนต่อเนื่อง

รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย ระบุว่า แรงกดดันจากเงินเฟ้อในจีนที่ลดลงอาจกระตุ้นความตึงเครียดทางการค้า เนื่องจากกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านที่มีโครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกคล้ายกัน 

พร้อมกับเสนอแนะให้จีนดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนความต้องการบริโภคในประเทศ ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยาวนานและมากเกินคาดจะส่งผลกระทบต่อทั้งภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก

IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเอเชียจะขยายตัวร้อยละ 4.6 ในปีนี้ และร้อยละ 4.4 ในปีหน้า โดยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายทั่วโลกน่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภคของภาคเอกชนในปีหน้า

ความเสี่ยงมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมาตรการเข้มงวดาทงการเงินและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภคทั่วโลก ทำให้ต้นทุนการค้าเพิ่มขึ้นและกระทบตลาดแต่ความเสี่ยงที่รุนแรงคือการยกระดับมาตรการภาษีตอบโต้กันระหว่างคู่ค้ารายใหญ่ ซึ่งจะทำให้การค้าแตกขั้วรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการเติบโตในภูมิภาค

ในการประชุมประจำปีของ IMF และธนาคารโลก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้แทนที่เข้าร่วมต่างแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยเขาให้คำมั่นจะจัดเก็บภาษีนำเข้าจากทุกประเทศร้อยละ 10 และจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนร้อยละ 60 ซึ่งจะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

“กฤษณะ ศรีนิวาสัน” ผู้อำนวยการ IMF ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ระบุว่า มาตรการภาษี รวมถึงอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff barriers) และข้อกำหนดที่เอื้อในประเทศ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะจะบิดเบือนการเคลื่อนย้ายการลงทุนและบั่นทอนระบบการค้าพหุภาคี

ที่มา TNN