เศรษฐกิจไทยใต้เงาทรัมป์โตต่ำกว่าแฮร์ริส
ซีไอเอ็มบี ไทย ประเมินหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง 5 พ.ย. นี้ เศรษฐกิจไทยจะโตได้เพียงร้อยละ 2.5 ในปี 2568 เทียบกับร้อยละ 3.2 ในกรณีของแฮร์ริส กดดันธปท. ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1.25
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 5 พ.ย. 2567 หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีใหม่ เศรษฐกิจไทยภายใต้นโยบายการค้าและนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ น่าจะมีความผันผวนมากกว่ากรณีของแฮร์ริส โดยเฉพาะจากความพยายามลดทอนอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งจะกดดันการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน เพราะหากแฮร์ริสชนะคงเห็นการเปลี่ยนแปลงไม่มาก เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่จะดำเนินนโยบายต่อเนื่องจากประธานาธิบดีไบเดน
สำนักวิจัยซีไอเอ็มบีไทย มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.5 ในกรณีของทรัมป์ เทียบกับร้อยละ 3.2 ในกรณีของแฮร์ริส โดยคาดว่า นอกจากการส่งออกที่จะชะลอและกดดันการลงทุนภาคเอกชนให้เติบโตช้าลงแล้วในกรณีทรัมป์ชนะเลือกตั้งแล้ว ความต้องการในประเทศจะอ่อนแอตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง โดยเฉพาะ ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ภาคการเกษตรทั่วประเทศ
รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้น้อยในพื้นที่ชนบทจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลดลงของกำลังซื้อ แต่เชื่อว่าการบริโภคภาคเอกชนยังเติบโตได้ด้วยแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวและจากมาตรการแจกเงินของรัฐบาล
ในส่วนของมาตรการทางการเงิน มองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศและลดความเสี่ยงด้านภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ แม้การลดดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าและเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อสินค้านำเข้ามากขึ้นก็ตาม โดยสำนักวิจัยซีไอเอ็มบีไทย มองว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะอยู่ที่ระดับ ร้อยละ 1.25 ในกรณีของทรัมป์ เทียบกับที่ระดับร้อยละ 1.50 ในกรณีของแฮร์ริส
ที่มา TNN
ข่าวแนะนำ