คนกังวลแบตฯ แพง ฉุด EV โลกชะลอตัว l การตลาดเงินล้าน
การชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก เห็นภาพชัดขึ้นจากผลสำรวจล่าสุดพบข้อกังวลจากผู้ใช้รถโดยเฉพาะจุดชาร์จและราคาแบตเตอรี่มากขึ้น
ข้อมูลจากรายงานประจำปี อีวาย โกลบอล โมบิลิตี้ คอนซูเมอร์ อินเด็กซ์ (EY Global Mobility Consumer Index) ฉบับล่าสุด พบว่า ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกชะลอตัวลง รายงานดังกล่าว สำรวจความคิดเห็นจากประชากรจำนวน 19,000 คน จาก 28 ประเทศทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า แม้ผู้ที่ต้องการซื้อรถ อีวี ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 55 ในการสำรวจครั้งก่อน เป็นร้อยละ 58 ในปีนี้ แต่ก็เติบโตน้อยลง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า คือระหว่างปี 2563 ถึง 2566 ความต้องการรถ อีวี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 55
ซึ่งความต้องการที่ชะลอตัวนี้ เกิดจากความกังวลหลายประการ และส่งผลให้ผู้สนใจซื้อรถ อีวี เกิดความลังเลใจ โดย ร้อยละ 27 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า กังวลเรื่องการขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ ส่วนร้อยละ 25 กังวลเกี่ยวกับระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนี่งครั้ง และ ร้อยละ 18 ระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้าใช้เวลาในการชาร์จนานเกินไป
และเป็นครั้งแรกสำหรับรายงานฉบับล่าสุดนี้ ที่ระบุถึงความกังวล เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ที่สูง ซึ่งผู้สนใจซื้อรถอีวี สัดส่วนมากถึงร้อยละ 26 ที่พูดถึงเรื่องนี้
ส่วนแรงจูงใจในการซื้อรถ อีวี พบว่า ปัจจัยราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ยังปัจจัยหลักสำหรับปีนี้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37 จากการสำรวจทั่วโลก แต่สำหรับในประเทศไทย มีสัดส่วนมากกว่า ที่ร้อยละ 42 ขณะที่ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมยังคงได้รับความสำคัญเป็นลำดับรองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โดยความตั้งใจซื้อรถยนต์ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 44 เป็นร้อยละ 51 ขณะที่ประเทศไทย มีสัดส่วนสูงกว่าอยู่ที่ร้อยละ 57
ด้านคุณ วิไลลักษณ์ เลาหศรีสกุล หุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี อีวาย ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า ตัวเลขในปัจจุบัน เป็นสัญญาณเตือนให้ภาคธุรกิจยานยนต์, พลังงาน และภาครัฐ ตื่นตัวมากขึ้น ซึ่งแม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นอนาคตของการเดินทาง แต่จากผลศึกษาเผยให้เห็นว่า ปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และค่าใช้จ่ายที่สูงในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ยังคงมีอยู่ ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากยังคงมีความลังเล กับรถอีวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและระยะทางที่วิ่งได้
และบอกอีกว่า ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ข้อกังวลที่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่ก็เป็นปัญหาที่ต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่อง และร่วมกันทั้งระบบนิเวศ เพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาเหล่านี้ จะได้รับการแก้ไข แต่หากยังไม่มีการแก้ไข อาจมีความเสี่ยง ทำให้ผู้บริโภคเลิกให้ความสนใจกับรถ อีวี ในช่วงที่ อีวี ควรมีโอกาสเติบโต นี้ได้
ยังมีอีกหนึ่งมุมมองสำหรับตลาด อีวี ในประเทศไทย ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขาย อีวี เริ่มชะลอตัว นอกจากจะมีปัจจัยทางเศรษฐกิจแล้ว เรื่องสงครามราคา ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
คุณ อนุวัชร อินทรภูวศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินฟินิท ออโตโมบิล จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดรถยนต์ แต่เชื่อว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงมีอยู่ การที่ยอดขาย อีวี ชะลอลง เป็นเพราะผู้บริโภคกำลัง wait and see หรือกำลังรอดูว่าควรจะตัดสินใจเลือกซื้ออะไร
ซึ่งเห็นได้ว่าการลดราคามาก ๆ ไม่ได้ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น แต่กลับเป็นผลเสียมากกว่า รวมถึงส่งผลกระทบไปยังสถาบันการเงิน ที่กังวลต่อการให้สินเชื่อด้วย และทำให้ตลาด อีวี เติบโตช้าลง
ส่วนการส่งเสริมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ คุณ อนุวัชร บอกว่า อยากให้ภาครัฐมีแนวทางส่งเสริมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการให้เจ้าของแบรนด์เข้ามาลงทุนด้าน facilities เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ซื้อในระยะยาว
สำหรับ อินฟินิท ออโตโมบิล เป็นบริษัทในเครือ เอเอเอส กรุ๊ป ซึ่ง เอเอเอส กรุ๊ป คือผู้จำหน่ายรถยนต์ชั้นนำอย่าง ปอร์เช่, เบนท์ลีย์ และ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน โดยมีการจัดตั้งบริษัท อินฟินิท ออโตโมบิล ขึ้นมา เพื่อขยายการให้บริการด้าน พรีเมียม โมบิลิตี้ เซอร์วิส และล่าสุดได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจรถ อีวี
ซึ่งคุณ อนุวัชร กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก ฉางอาน เซาท์อีสเอเชีย ประเทศไทย ให้เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมี่ยมแบรนด์ อวตาร์ (AVATR) และได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 120 ล้านบาท เตรียมเปิดโชว์รูม 2 สาขาในปีแรกนี้ ซึ่งโชว์รูมแห่งแรกตั้งอยู่ที่ สยามพารากอน ชั้น 2 จะพร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการ กลางเดือนตุลาคมนี้ ส่วนโชว์รูมแห่งที่สอง จะตั้งอยู่ที่พระราม 3 ขนาดพื้นที่กว่า 1,200 ตารางเมตร พร้อมศูนย์บริการครบวงจร คาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2568 โดยจะเปิดเป็นโชว์รูมชั่วคราวก่อน ในกลางเดือนตุลาคมนี้เช่นกัน
โดย อวตาร์ 11 เป็นรุ่นแรกที่นำมาเปิดตัวในไทย เมื่อกลางเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ตั้งเป้าสำหรับปีแรกไว้ ไม่ต่ำกว่า 500 คัน โดยเป็นเป้าหมายจากทาง ฉางอาน แต่ขณะนี้ พบว่า มียอดจองเข้ามามากกว่า 500 คันแล้ว ซึ่งเกินกว่าที่คาดหมายไว้ และในส่วนยอดจอง เป็นของบริษัทฯ อยู่ที่กว่า 200 คัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ลูกค้ากลุ่มมีกำลังซื้อยังคงมีอยู่
ข่าวแนะนำ