เปิดโฉมกลุ่มทุน ทำเลที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร ลุ้นไทยแจ้งเกิดกาสิโน
มีแนวโน้มว่ารัฐบาชุดหนี้เดินหน้าต่อสถานบันเทิงครบวงจร โดยจะมีการออกฎหมายมารองรับเป็นการเฉพาะ ล่าสุดทำให้เริ่มมีการเปิดรายชื่อเอกชน และทำเลที่ตั้งออกมาบ้างแล้ว
การผลักดันสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)ในไทย เป็นข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยเมื่อกมธ.ศึกษาเสร็จและเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2567 ซึ่งพบว่าที่ประชุมสภามีมติ 253 ต่อ 0 เสียง "เห็นด้วย" กับข้อเสนอกมธ. และส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรี(ครม.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาต่อไป
เมื่อช่วงวันที่ 2-18 สิงหาคม 2567 “กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติ(พรบ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ไปเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปความเห็นเพื่อเสนอไปยังรัฐบาลชุดใหม่”
ขั้นตอนต่อจากนี้ถ้ารัฐบาลชุดใหม่เห็นชอบ ต้องเสนอไปยังครม.เพื่ออนุมัติร่างพรบ.ดังกล่าว และนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ เพื่อออกเป็นกฎหมายบังคับใช้
ถ้าดูจากกระบวนการ เรื่องนี้ผ่านมาจากสภาฯ เพื่อเสนอมารัฐบาล ถ้ารัฐบาลเห็นด้วยและเสนอไปยังสภาฯ อีกครั้ง น่าจะผ่านการพิจารณาไม่ยาก
ทางกระทรวงการคลัง เห็นไปในทิศทางเดียวกับสภาฯ คือ ไทยจำเป็นต้องหารายได้ หลังจากที่รายได้ประชาชนและรัฐบาลได้รับผลกระทบจากโควิด 19 โดยสถานบันเทิงครบวงจร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไทยมีศักยภาพในการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนเป็นส่วนประกอบ เพื่อช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ประเทศ
สำหรับธุรกิจสถานบันเทิง ที่กำหนดในกฎหมาย ประกอบด้วย 1. ห้างสรรพสินค้า 2. โรงแรม 3. ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์ 4. สนามกีฬา 5. ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ 6. สถานที่เล่นเกม 7. สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 8. สวนสนุก 9. พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP 10. กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
ขณะนี้เริ่มมีกลุ่มทุน ประกาศความพร้อมที่จะลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรในไทย เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม “ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกาศว่าพร้อมจะลงทุนในสถานบันเทิงครบวงจรในไทย ร่วมกับบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ RSC และพันธมิตรต่างชาติอีก 4 ราย สัญชาติเกาหลี อเมริกา และจีน โดยใช้ชื่อโครงการ ว่า The Royal Siam Haven ประเมินมูลค่าการลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท”
โครงการนี้จะเป็นทั้งสนามม้าแห่งใหม่เพื่อการแข่งขันระดับสากล โรงแรมระดับ 6 ดาว สนามกอล์ฟ ยอร์ชคลับ ภัตตาคารหรู โรงละคร โรงพยาบาล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศูนย์การเรียนรู้ กิจกรรมกีฬาและบันเทิงอื่นๆอีกมากมาย
"ดร. อริย์ธัช รัตนศุทธพบูลย์" รองประธานกรรมการอำนวยการและนายสนามราชตฤณมัยสมาคมฯ ในฐานะ
ประธานโครงการ “The Royal Siam Haven” ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาทำเล “มองไว้ 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ได้แก่ หนองจอกกว่า 1,000 ไร่ ลาดกระบัง 2,000 ไร่ ทั้ง 2 สองแห่งจะเป็นการซื้อที่ดิน อีกแห่งเป็นพื้นที่ท่าเรือคลองเตย 2,300 ไร่ เป็นการเช่า” โดยสนใจท่าเรือคลองเตยเป็นลำดับแรก เพราะมีศักยภาพ ติดแม่น้ำ อยู่ใจกลางเมือง ใกล้สนามบิน สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้
โครงการนี้ใช้เงินลงทุนสูงจึงต้องพึ่งพาเงินลงทุนจากต่างประเทศ โดยใช้เวลาดำเนินโครงการ 7 ปี ในปีแรกเป็นเรื่องการกำหนดพื้นที่ ออกแบบรายละเอียดโครงการ รวมถึงการขออนุญาตตามขั้นตอนของกฎหมาย เช่น รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และการขอใบอนุญาตก่อสร้าง เป็นต้น คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างปลายปี 2568
โครงการนี้แบ่งเป็น 3 เฟส เฟสแรกเป็นสนามม้า คลับเฮาส์ เนื้อที่ 1,250 ไร่ เฟส 2 เป็นโรงแรม เวลเนส สนามกอล์ฟ เฟส 3 เป็นสถานบันเทิงครบวงจรถูกกฎหมายตามที่รัฐบาลมีนโยบายจะดำเนินการ
ราชตฤณมัยสมาคมฯ ถือเป็นเอกชนรายแรกที่ประกาศลงทุนสถานบันเทิงครบวงจร จากก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยมาว่ากลุ่มกาสิโนจากมาเก๊าสนใจเข้ามาลงทุนในไทยด้วยเช่นกัน
สื่อต่างประเทศ สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานถึงการผลักดันสถานบันเทิงครบวงจร(Entertainment Complex) ในไทย จากผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ โดยระบุว่าไทยต้องการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ที่มีกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเพิ่มการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว ซึ่งแนวคิดนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในมาเก๊า โดยปัจจุบัน มาเก๊าแซงหน้าลาสเวกัสขึ้นเป็นศูนย์กลางกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่สิงคโปร์เองก็ประสบความสำเร็จกับการเปิดกาสิโน 2 แห่งเมื่อ 14 ปีที่แล้ว
เบน ลี หุ้นส่วนผู้จัดการของไอเกมมิกซ์ เมเนจเมนต์ แอนด์ คอลซัลติง (IGamiX Management and Consulting) บริษัทที่ปรึกษาอุตสาหกรรมกาสิโนระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในมาเก๊า กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ว่า หากไทยผ่านร่างกฎหมายและทำให้การเปิดกาสิโนเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว “ไทยก็อาจกลายเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของมาเก๊าและสิงคโปร์ภายในสิ้นทศวรรษนี้”
นายลีมองว่า ไทยคงได้เห็นแล้วว่าการสร้างกาสิโนให้อะไรกับสิงคโปร์บ้าง และได้เห็นถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากธุรกิจการพนันในมาเก๊า หากไทยทำให้ธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย “สิ่งนี้ก็อาจทำให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก”
แม้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศไทยยังคงอ่อนแอ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และคาดว่าการฟื้นตัวจะไม่เกิดขึ้นจนกว่านักท่องเที่ยวจีน จะกลับมาเที่ยวไทยคึกคักเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด
ไทยเป็นตลาดท่องเที่ยวที่ทุกประเทศในภูมิภาคต่างก็หวาดกลัว แต่ไทยกลับยังเผชิญกับความยากลำบากในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโตหลังการระบาด ดังนั้นการเดินหน้า สถานบันเทิงครบวงจร “น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเข้มแข็งต่อเศรษฐกิจไทย”
มีการประเมินจาก หยินเส้าหยาง นักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ อินเวสต์เมนต์ แบงก์ ว่า หากไทยสามารถสร้างสถานบันเทิงครบวงจรได้ คาดว่ากจะสามารถสร้างรายได้ 187,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามมากที่สุดจากบรรดาผู้สังเกตการณ์ในแวดวงอุตสาหกรรมการกาสิโน ก็คือ จังหวัดใดในประเทศไทยมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นสถานที่ตั้งกาสิโน แม้ว่ารัฐบาลไทยยังไม่ได้ประกาศสถานที่ตั้งกาสิโนอย่างเป็นทางการ แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากาสิโนอาจจะไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย
นักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ อินเวสต์เมนต์ แบงก์ มองว่า กรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่พัฒนาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพัฒนาเพิ่มเติม และไม่คิดว่ายังมีที่ดินเปล่าเหลืออยู่อีกในกรุงเทพฯ ดังนั้นความเป็นไปได้คือกาสิโนอาจจะถูกสร้างในจังหวัดที่มีประชากรหนาแน่นน้อยกว่า เช่น “บริเวณระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของไทย เช่น ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา”
นอกจากนี้น่าจะสร้างใน “เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอื่น ๆ เช่น ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ และพัทยา” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และนักเดินทางให้มาใช้บริการ
ขณะที่อัลลัน ซีแมน ประธานบริษัทลานไควฟง กรุ๊ป (Lan Kwai Fong Group) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แสดงความเห็นว่า สถานบันเทิงครบวงจรของไทยมีความแตกต่างจากโมเดลของมาเก๊า โดยที่มาเก๊านั้น จะเห็นกาสิโนหลายแห่งรวมกลุ่มกันเหมือนกับที่ลาสเวกัส แต่ของไทย อาจไปตั้งในเมืองที่กำลังพัฒนา ซึ่งไม่มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จได้มากแค่ไหน
ด้านแกรี โบเวอร์แมน ผู้อำนวยการเช็ก-อินเอเชีย (Check-in Asia) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการเดินทาง ระบุว่า ไทยอาจจะทำตามโมเดลของสิงคโปร์ด้วยการสร้างรีสอร์ตแบบบูรณาการที่มีกิจกรรมสำหรับผู้ที่ไม่เล่นกาสิโนด้วย อย่างมารินา เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) ที่มีบาร์สุดหรูด้านบน มีสระว่ายน้ำกว้างใหญ่ โรงแรม พิพิธภัณฑ์ และร้านอาหาร คนที่ไม่ได้มาเล่นการพนันก็ได้ประโยชน์จากสถานที่เหล่านี้ด้วย
ข่าวแนะนำ