คนไทยปรับตัวซื้อสินค้าจำเป็น-ถูก-คุ้มค่า l การตลาดเงินล้าน

นาย พิสิฐ ทางธนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึง รายงานผลสำรวจเสียงของผู้บริโภค ประจำปี 2567 ภาพรวมของเอเชียแปซิฟิก ฉบับประเทศไทย ของ PwC ว่า ความไม่แน่นอนของภาพรวมเศรษฐกิจได้ส่งผลให้ผู้บริโภคแสดงความกังวลต่อการจับจ่ายสินค้า 

ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคชาวไทยมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับสินค้าที่จำเป็น (necessities) มากกว่าสินเค้าฟุ่มเฟือย (luxury items) ในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดย ร้อยละ 69 คาดว่าจะใช้จ่ายกับสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น เทียบกับเอเชียแปซิฟิกที่ ร้อยละ 65 รองลงมา คือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 

นอกจากนี้ 4 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทย จะพิจารณาเปลี่ยนจากการซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ชื่นชอบ ไปใช้ตัวเลือกอื่นที่ราคาถูกกว่า หากได้รับความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากกว่า 

PwC ระบุว่าผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวไทยมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยรักษาสมดุลระหว่างการใช้จ่ายที่จำเป็น และการปรับไลฟ์สไตลของตนให้ดีขึ้น

แม้จะมีความระมัดระวังในการจับจ่าย แต่ผู้บริโภคชาวไทยก็หันมาให้ความสำคัญกับการบริโภคสินค้าเพื่อความยั่งยืน (sustainable products) มากขึ้น โดยรายงานระบุว่าร้อยละ 95 ของผู้ตอบแบบสำรวจ ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในชีวิตประจำวัน จึงเป็นเหตุให้ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่าร้อยละ 58 เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น และยังเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 ของราคาสินค้าโดยเฉลี่ย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ร้อยละ 9.7 และเอเชียแปซิฟิกที่ร้อยละ 11 

ทั้งนี้ การดำเนินการเพื่อความยั่งยืนของผู้ประกอบการค้าปลีกจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้นในระยะข้างหน้า โดยรายงานของ PwC พบว่า การลดของเสียและการรีไซเคิลจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากที่สุด ที่ร้อยละ 45 รองลงมา คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผลกระทบเชิงบวกต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและน้ำ 

ดังนั้น บริษัทผู้ผลิตควรต้องมีกลยุทธ์ รวมทั้งหาจุดสมดุลระหว่างความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม โดยผสมผสานการใช้ช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และนำเทคโนโลยี GenAI เข้ามาใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย