TNN ต่างชาติยังเที่ยวไทย แต่จ่ายน้อยลง ฉุดเป้าหมายรายได้ 3.5 ล้านลบ.

TNN

เศรษฐกิจ

ต่างชาติยังเที่ยวไทย แต่จ่ายน้อยลง ฉุดเป้าหมายรายได้ 3.5 ล้านลบ.

พาไปดูตัวเลขท่องเที่ยวล่าสุด แม้มีข่าวดี จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทั้งต่างชาติ และไทยเที่ยวไทย แต่เป้าหมายที่เป็นตัวเงิน อาจทำได้ไม่ดีนัก เป็นเพราะอะไรไปติดตามกัน

ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รายงาน สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติพบว่ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ในปีนี้จนถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา “มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยแล้วกว่า 23 ล้านคน มีรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจีนยังครองแชมป์ที่มาเที่ยวไทยมากที่สุด จำนวน 4,700,000 คน รองลงมา คือ มาเลเซีย 3,200,000 คน อินเดีย 1,300,000 คน เกาหลีใต้ 1,220,000 คน และ รัสเซีย 1 ล้านคน” 

ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยลดลง จากการเริ่มเปิดภาคเรียนในหลายประเทศ ของกลุ่มตลาดระยะใกล้ เช่น จีน เกาหลีใต้และยังเป็นช่วงท้ายของฤดูกาลท่องเที่ยวในภูมิภาคยุโรป 

คาดว่าในช่วงต้นเดือนกันยายน จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การมีวันหยุดในวันก่อตั้งประเทศของมาเลเซีย การมีมาตรการอีซี ออฟ ทราเวลลิ่งของรัฐบาล เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก และการกระตุ้นให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินรองรับให้มากขึ้น 

ถ้าดูจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยแล้ว  23 ล้านคน คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย 36.7 ล้านคน (สามสิบหกล้านเจ็ดแสนคน) 

แต่ถ้าดูรายได้การท่องเที่ยวต่างชาติที่สามารถทำได้เพียงกว่า 1 ล้านล้านบาท จนถึงสิ้นปีเหลืออีก 4 เดือนต้องทำให้ได้ประมาณ  1.2-1.3 ล้านล้านบาท (หนึ่งล้านสองแสนล้านบาทถึงหนึ่งล้านสามแสนล้านบาท) เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ 2.3 ล้านล้านบาท (สองล้านสามแสนล้านบาท) ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายรายได้ในภาพรวมไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท(สามล้านห้าแสนล้านบาท)

 สิ่งที่พบคือค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเฉลี่ยต่อหัวยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด และมีปัจจัยน่ากังวลทั้งเรื่องเงินเฟ้อ เศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก และปัญหาการสู้รบในหลายประเทศ ส่งผลให้บรรยากาศในการใช้จ่ายในปีนี้ยังไม่คึกคักทเที่ควร

ตลาดท่องเที่ยวไทยในช่วงหลังโควิด มีการนำตัวเลขในปีก่อนโควิดเป็นเป็นฐานในการกำหนดเป้าหมาย โดยในปี 2562 ไทยเคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคน สร้างรายได้ตลาดต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท ส่งผลให้รายได้รวมท่องเที่ยวสูงถึง 3 ล้านล้านบาท

ส่วนในการท่องเที่ยวไทยรัฐบาลวางเป้าหมายไว้  1.08 ล้านล้านบาท(หนึ่งล้านแปดหมื่นล้านบาท) และจำนวนนักท่องเที่ยว 200 ล้านคนครั้ง

ตัวเลขตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนกรกฎาคม 2567 จะพบว่า ไทยมีรายได้ 581,000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 160 ล้านคน-ครั้ง 

ทางผู้บริหาร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มองว่า การถึงเป้าหมายทั้งป ในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวเรามั่นใจว่าไปได้เกิน 200 ล้านคน/ครั้งแน่นอน แต่ในส่วนรายได้ที่วางไว้คาดว่าจะทำไม่ถึงเป้าหมาย เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีนัก แม้ว่าคนไทยจะเที่ยวมากเงิน แต่จ่ายน้อยลง 

สำหรับในปีหน้า รัฐบาลตั้งเป้าหมายการท่องเที่ยวตลาดในประเทศปี 2568 มีรายได้รวม 1.17 ล้านล้านบาท(หนึ่งล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านบาท จำนวนท่องเที่ยว 205 ล้านคนครั้ง เป็นการปรับเพิ่มประมาณร้อยละ 5 จากเป้าหมายในปี 2567  ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ในการขับเคลื่อนตัวเลขท่องเที่ยวในปีหน้า คาดว่าจะดำเนินการผ่านนโยบาย "IGNITE THAILAND" ที่รัฐบาลเศรษฐาวางไว้ คือ

1. สร้างประสบการณ์ที่ดีทุกย่างก้าว

2. must do in Thailand ผ่านสินค้าทางการท่องเที่ยว เช่นอาหารไทย วัฒนธรรมไทย ผ้าไทย โชว์ไทยหรือมวยไทย

3. เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว กระตุ้นการเดินทางโดยการนำ Activity เด่นๆ ของแต่ละภูมิภาคเป็นตัวกระตุ้นในการเพิ่มวันพักค้างและเพิ่มค่าใช้จ่ายในพื้นที่

4. Hub of ASEAN สนับสนุนการจัดคาราวานเส้นทางเชื่อมโยงไปยังประเทศกลุ่มอาเซียน ผลักดันบริษัทนำเที่ยวให้เสนอขายเส้นทางเชื่อมโยงสู่อาเซียนทางรถไฟและรถยนต์โดยเฉพาะเมืองชายแดน

5. World Class event hub ส่งเสริมต่อยอดในช่วงที่มีการจัดกิจกรรม World Class event ในพื้นที่เพิ่มการพักค้างและกระจายตัวไปสู่จังหวัดข้างเคียง ในพื้นที่เพิ่มการพักค้างและกระจายตัวไปสู่จังหวัดข้างเคียงนำ เสนอข้อมูลข่าวสารเช่นร้านอาหารสินค้าเพื่อเพิ่มการใช้จ่าย

ล่าสุดที่มีปัญหาน้ำท่วมภาคเหนือ ทั้งจังหวัดน่าน สุโขทัย เชียงราย ถือเป็นจังหวัดเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคเหนือ 

เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว 2567 ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า ได้รับรายงานภาพรวมสถานการณ์เหตุอุทกภัยและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ประจำวันที่ 28 ส.ค. 2567” พบว่ามีผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ จำนวนผู้เยี่ยมเยือนลดลง 57,092 คน สูญเสียมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว 491 ล้านบาท กระทบจำนวนการจ้างงาน 628 คน และมูลค่าการใช้จ่ายท่องเที่ยวหดตัว 200 ล้านบาท”

กระทรวงท่องเที่ยวรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์อุน้ำท่วมในภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ สุโขทัย และอุตรดิตถ์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและดินโคลนสไลด์ ส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวบางแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดน่านและจังหวัดใกล้เคียง เช่น เชียงราย แพร่ และเชียงใหม่ ได้คลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว และสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยืนยันว่า “น่าน” พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งแล้ว

หลังสถานการณ์น้ำลด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้รับผลกระทบ เช่น การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อสร้างความรับรู้ว่าสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ จัดกิจกรรมออนไลน์ให้นักท่องเที่ยวแชร์ภาพท่องเที่ยวพร้อมสิทธิพิเศษจากโรงแรม ร้านอาหาร และสายการบิน รวมถึงกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น Amazing Nan Marathon, เที่ยวแพร่ไม่แคร์ฝน, Amazing เสน่ห์ศิลป์ถิ่นแพร่, Wet Series Music Festival 2024 ที่สิงห์ปาร์คเชียงราย และกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าและบริการของผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยร่วมกับธนาคารของรัฐในการพักชำระหนี้ และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อฟื้นฟูกิจการ

ภาคเหนือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ ททท.วางแผนผลักดันการท่องเที่ยว ในปี 2567 ททท.ตั้งเป้าจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 25 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3  สร้างรายได้ 209,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้นรายละ 35.6

ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนประมาณ 17 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้เข้าสู่ระบบกว่า 97,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี โดยพบว่า โรงแรมในภาคเหนือมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 66 ถือว่าดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าการท่องเที่ยวภาคเหนือได้ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติแล้ว และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตลอดทั้งปี


ข่าวแนะนำ