"อีเลคโทรลักซ์" ตั้งไทยฮับภูมิภาคแห่งใหม่ l การตลาดเงินล้าน
อีเลคโทรลักซ์ ย้ายสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตะวันออกกลางแอฟริกา จากสิงคโปร์ เข้ามาอยู่ที่ กรุงเทพฯ
อีเลคโทรลักซ์ ทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 1977 (47 ปีที่แล้ว) และมีการลงทุนตั้งโรงงงานผลิต ที่จังหวัดระยอง ตั้งแต่ปี 2003 โดยผลิตเครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้า, ตู้เย็น และเตาประกอบอาหาร เพื่อส่งออกไปยัง 56 ประเทศทั่วโลก โดยจัดจำหน่ายภายใต้ 10 แบรนด์ ซึ่งรวมถึง อีเลคโทรลักซ์, เวสติ้งเฮ้าส์ (Westinghouse) และ ฟริจิแดร์ (Frigidaire)
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ มีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีรายงานข่าว ถึงการเปลี่ยนแปลงระดับภูมิภาค โดยมีการปิดสำนักงานใหญ่ที่สิงคโปร์ และจะย้ายมาที่กรุงเทพฯ แทน
ล่าสุด อีเลคโทรลักซ์ ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ตะวันออกกลาง แอฟริกา ที่กรุงเทพฯ ซึ่งทำให้ กรุงเทพฯ กลายเป็น 1 ใน 4 ศูนย์กลาง(ฮับ) ที่สำคัญของอิเลคโทรลักซ์ กรุ๊ป
ประกอบด้วย 3 พื้นที่ธุรกิจ ได้แก่ ยุโรป เอเชียแปซิฟิค ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (รวมเป็น 1 พื้นที่ธุรกิจ) จะมีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคอยู่ 2 แห่ง คือที่ สตอกโฮล์ม ในสวีเดน (ซึ่งครอบคลุมยุโรป) และอีกที่คือ กรุงเทพฯ ครอบคลุม เอเชียแปซิฟิค ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
ส่วนพื้นที่ธุรกิจโซนอเมริกาเหนือ มีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคอยู่ที่เมือง ชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ท แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา และอีกหนึ่งพื้นที่ธุรกิจ โซนอเมริกาใต้ มีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค อยู่ที่ เซา เปาโล ในประเทศบราซิล
คุณ วิเทอร์ มายอา รองประธานฝ่ายการขาย ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา อีเลคโทรลักซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า การเปิดสำนักงานใหญ่ของภูมิภาค ในกรุงเทพฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์สร้างการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต
ซึ่งการเลือกย้ายสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค เข้ามาที่ประเทศไทย เพราะไทย ถือเป็นตลาดสำคัญ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน) ขณะเดียวกัน มีความพร้อมอย่างมากในด้าน โลเคชัน ที่เป็นศูนย์กลางของเอเชีย และ มีความพร้อมในด้านฐานการผลิต ซึ่งโรงงานอิเลคโทรลักซ์ ที่จังหวัดระยอง ปัจจุบันผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ามากกว่า 1 ล้าน 5 แสนชิ้น ต่อปี และในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 70 ยังเป็นการผลิตเพื่อส่งออกไปตลาดอื่น ๆ อีก 56 ประเทศทั่วโลก อีกทั้ง ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ ไทย ยังเป็นศูนย์รวมของนานาชาติ โดยมีศักยภาพอย่างมากในการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากหลากหลายสัญชาติให้เข้ามาทำงานในประเทศไทยได้
คุณ วิเทอร์ กล่าวอีกว่า เมื่อย้ายสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคมาที่ไทย จะทำให้การทำงานมีความใกล้ชิดกับโรงงานมากขึ้น รวมถึงใกล้ชิดกับตลาดในไทย ซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญอีกตลาดหนึ่ง
รวมถึงภายในปี 2026 ทางกลุ่มมีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมในไทย เพื่อขยายกำลังการผลิต โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกร้อยละ 20 จากกำลังการผลิตในปัจจุบัน
สำหรับตลาดในประเทศไทย คุณ อเล็กซิส ริชาร์ด ผู้จัดการทั่วไป อีเลคโทรลักซ์ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไทย แต่การจะบรรลุเป้าหมายได้ จะต้องสามารถตอบโจทย์ลูกค้าเดิมให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ ให้เข้ามามากขึ้นด้วย
ซึ่งปีนี้ มีแผนเปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าโมเดลใหม่รวมกัน 85 โมเดล ทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้กว้างขึ้น รวมถึงการเข้าถึงกลุ่มตลาดพรีเมียม เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดี และสิ่งที่แตกต่างให้แก่ผู้บริโภค
เช่น ล่าสุด ได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า อีเลคโทรลักซ์ อัลติเมต แคร์ รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีโปรแกรมซักผ้าแบบเต็มถังด้วยความเร็วภายใน 45 นาที และใช้น้ำที่อุณหภูมิต่ำลงเพียง 30 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยถนอมผ้าที่สวมใส่ใจชีวิตประจำวัน โดยไม่ใช้ไฟฟ้าและไม่ใช้น้ำเพิ่มขึ้น อีกผลิตภัณฑ์ คือเครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับน้ำหนักเบา ซึ่งผลิตจากวัสดุรีไซเคิล มากถึงร้อยละ 70 ของวัสดุที่ใช้ผลิต
ปัจจุบัน อีเลคโทรลักซ์ เป็นผู้นำในตลาดในกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้า ขนาด 9 กิโลกรัม และ 11 กิโลกรัม ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาด เป็นร้อยละ 25 ของกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้า ขนาด 9 และ 11 กิโลกรัม
ส่วนเครื่องดูดฝุ่น ทางแบรนด์เป็นผู้นำในตลาดนี้ ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดที่ร้อยละ 15 โดยจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เสริมทัพเข้ามาเพื่อสร้างการเติบโตในกลุ่มนี้ให้มากขึ้น
และกลุ่มตู้เย็น ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดโดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 5 โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นเช่นกัน ด้วยการออกโมเดลใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค เช่น ตู้เย็นแบบหลายประตู และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบบิ้วท์อิน เป็นต้น
สำหรับเป้าหมายการเติบโตในไทย คุณ อเล็กซิส กล่าวว่า คาดหวังจะเติบโตได้มากกว่าภาพรวมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศ ที่ปีนี้คาดว่าตลาดโดยรวม จะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 2.5 จากปีที่แล้ว ซึ่งการแข่งขันในตลาด ยอมรับว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง เนื่องจากมีผู้เล่นหลายรายในตลาด อย่างไรก็ดี อิเลคโทรลักซ์ อยู่ในตลาดไทยมานานกว่า 47 ปี จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดนี้ได้อย่างดี
ส่วนภาพรวมของกำลังซื้อที่ชะลอตัวอยู่นั้น เชื่อว่าหากสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าให้แก่ผู้บริโภคได้ ปัจจัยดังกล่าว ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ อีเลคโทรลักซ์ กรุ๊ป เป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอายุกว่า 100 ปี มีสินค้าวางจำหน่ายกว่า 120 ประเทศทั่วโลก โดย ปี 2023 ที่ผ่านมา มียอดขายทั่วโลก สูงถึง 134,000 ล้านโครนา สวีเดน หรือกว่า 448,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 6 และปัจจุบัน มีพนักงานกว่า 45,000 คนทั่วโลก
ข่าวแนะนำ