ปัญหาหลุมรายได้-ภูเขาหนี้ ดัน NPL เพิ่ม | ย่อโลกเศรษฐกิจ
ธปท. เผยปัญหา "หลุมรายได้ - ภูเขาหนี้" ทำให้หนี้เสีย หรือ NPL ในระบบแบงก์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่ออุปโภคบริโภคพุ่งต่อเนื่อง พร้อมจับตา NPL สินเชื่อบ้านมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ NPL ไตรมาส 2 ปี 2567 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 540,800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.84 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากสินเชื่ออุปโภคบริโภคเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่ได้รับความช่วยเหลือแล้วเมื่อสิ้นสุดมาตรการไม่สามารถชำระหนี้ได้ อีกส่วนคือกลุ่มลูกหนี้ที่รายได้กลับมาช้า เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวไม่ทั่วถึง
โดย NPL สินเชื่อที่อยู่อาศัย ขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.71 จากร้อยละ 3.48 ในไตรมาส 1 ปี 2567 ขณะที่ NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ร้อยละ 3.53 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.17 ส่วน NPL สินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ร้อยละ 2.74 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.65 และ NPL สินเชื่อเช่าซื้ออยู่ที่ร้อยละ 2.33 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.18
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.ระบุว่า แม้ภาพรวมรายได้ของคนจะกลับมาแต่ NPL ก็ยังขยับขึ้น เพราะนอกจากครัวเรือนจะตกหลุมรายได้ในช่วงวิกฤตโควิด19 แล้ว ยังมีภูเขาหนี้ระดับสูงด้วย ดังนั้นแม้หลุมรายได้ที่เคยเป็นปัญหาจะดีขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอต่อการจ่ายหนี้ ทำให้ภูเขาหนี้ยังคงอยู่ ซึ่งการจะแก้หนี้ให้ตรงจุดต้องทำให้รายได้ของคนเพิ่มขึ้นเพียงพอจ่ายหนี้ได้ด้วย
สำหรับแนวโน้ม NPL ในระยะต่อไป ธปท.ประเมินว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพราะยังมีปัญหารายได้ฟื้นตัวไม่เท่ากับภาระหนี้ที่ต้องจ่าย โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน เนื่องจากในช่วงปีที่ 1 ถึงปีที่ 2 ภาระดอกเบี้ยจ่ายจะต่ำ แต่พอขึ้นปีที่ 3 และ 4 ดอกเบี้ยจะขยับเพิ่มขึ้น ทำให้ธปท. กังวลว่า NPL สินเชื่อบ้านจะปรับเพิ่มขึ้น
นางสาวสุวรรณี กล่าวอีกว่า ธปท.กำลังจับตาดูกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยอย่างใกล้ชิด เพราะเริ่มเห็นสัญญาณว่ากลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปเริ่มได้รับผลกระทบกลายเป็น NPL บ้างแล้ว จากเดิมจะเป็นกลุ่มรายได้น้อยกว่า 30,000 บาทต่อเดือนที่มีความเสี่ยงเป็น NPL มากกว่า
สำหรับข้อเสนอจากกระทรวงการคลังให้ออกมาตรการลดหนี้ (Hair Cut) นั้น นางสาวสุวรรณีระบุว่า ต้องหารือในรายละเอียดกับกระทรวงการคลังอีกที แต่ตามหลักการแก้หนี้มี 3 ประเด็นหลักที่ต้องให้ความสำคัญ คือ ต้องไม่ให้เกิด Moral Hazard หรือทำให้คนที่มีหนี้ดีอยู่แล้วกลายเป็นหนี้เสีย // เน้นแก้ปัญหาให้ตรงจุด (Targeted) และต้องไม่ลดโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อของลูกหนี้ในอนาคต
ที่มา TNN
ข่าวแนะนำ