TNN "Haier" มั่นใจไทยทุ่ม 10,000 ล้าน ตั้งโรงงานแห่งใหม่ l การตลาดเงินล้าน

TNN

เศรษฐกิจ

"Haier" มั่นใจไทยทุ่ม 10,000 ล้าน ตั้งโรงงานแห่งใหม่ l การตลาดเงินล้าน

"Haier" แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจีน ทุ่ม 10,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานแห่งที่ 2 โดยจะยกให้ไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

คุณ ต่ง เจี้ยนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงเหตุผลที่ ไฮเออร์ ตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานแห่งที่ 2 ในประเทศไทย บอกว่า ในทางภูมิศาสตร์ ไทยถือเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมต่อ และส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ ทำให้การขนส่ง ทำได้สะดวกและง่ายมากขึ้น

นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพที่ประเทศไทยมี บวกกับความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มอาเซียนที่กำลังเติบโต ทำให้บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะให้ไทยเป็นฐานการผลิต และฐานการขายในอนาคต

โดย ไฮเออร์ ได้เข้ามาลงทุนในไทย ตั้งแต่ปี 2550 (2007) ซึ่งเป็นการเข้าไปซื้อกิจการโรงงานเดิมของ บริษัท ซันโย ยูนิเวอร์แซล ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดปราจีนบุรี ปัจจุบันโรงงานแห่งดังกล่าว ผลิตตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ

ล่าสุด กำลังก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อิสเทิร์นซีบอร์ด 3 ที่จังหวัดชลบุรี ภายใต้งบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อให้เป็นโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศที่ครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงตามมาตรฐานระดับโลก

การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่นี้ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2570 และจะรองรับการผลิตเครื่องปรับอากาศสูงสุดถึง 6 ล้านเครื่องต่อปี โดยระยะแรก จะเปิดในส่วนการผลิตจำนวน 3 เครื่องต่อปี ภายในเดือนกันยายน ปี 2568 ส่วนระยะที่ 2 และ ระยะที่ 3 จะเสร็จสิ้น และพร้อมเปิดกำเนินการในปี 2569 และปี 2570 ตามลำดับ เมื่อก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะสร้างงานให้กับคนท้องถิ่นได้กว่า 3,000 ตำแหน่งงาน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนท้องถิ่น ส่วนคนจีนจะมีเพียง 30 คน

และจะทำให้โรงงานแห่งนี้ กลายเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ส่วนในอนาคต บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มไลน์การผลิตตู้เย็น ให้มีซีรีส์ ที่หลากหลายมากขึ้น ในโรงงานที่ปราจีนบุรี รวมถึงแอร์รถบ้าน และตู้แช่ ที่จะมีเพิ่มขึ้น

คุณ ต่ง กล่าวด้วยว่า การลงทุนของบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตามเกณฑ์ปกติ โดย เว้นภาษีทั้งหมดในช่วง 8 ปีแรก และ 5 ปีถัดมา เสียภาษีร้อยละ 50 

ผู้บริหาร ไฮเออร์ มองด้วยว่า มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากอากาสร้อนจัด และคนไทยเอง ก็เปิดใช้แอร์ กันทุกฤดูกาล 

โดยกลุ่มเครื่องปรับอากาศมีมูลค่าตลาดมากกว่า 30,000 ล้านบาท สำหรับ ไฮเออร์ เป็นผู้นำในตลาดในตลาดแอร์ (ในแง่ของปริมาณ) ด้วยสัดส่วนร้อยละ 12.3 ส่วนตู้เย็น และ เครื่องซักผ้า มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ใน อันดับ 3 หรือสัดส่วนที่ร้อยละ 11.3 และ ร้อยละ 8 ตามลำดับ

ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมเฉลี่ย ทั้งหมด คือทั้งตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องซักผ้า และแอร์ แบรนด์ ไฮเออร์ มีส่วนแบ่งที่ร้อยละ 11 

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก ที่ผ่านมา แบรนด์ ไฮเออร์ มียอดขายกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งทำได้เกินเป้าหมายที่วางไว้แล้ว จากทั้งปีตั้งเป้ายอดขายที่ 11,000 ล้านบาท และเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ครึ่งแรกเติบโตสูงถึงร้อยละ 37 จากเป้าหมายยอดขาย 4,500 ล้านบาท

คุณ ต่ง กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และตอบโจทย์ความต้องการที่มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จะเห็นได้จากการนำนวัตกรรม มาใช้ รวมถึงนำ IoT (ไอโอที) มาพัฒนาในผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าของลูกค้า 

ผู้บริหาร ไฮเออร์ ยังให้ความคิดเห็น ต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาในเวลานี้ แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ก็สามารถมองให้เป็นโอกาสได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะคว้าโอกาสนั้นอย่างไร ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องมองหาช่องทางใหม่ ๆ และขยายไปสู่ช่องทางนั้นให้มากขึ้น ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ขณะเดียวกัน ก็จะมุ่งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ข่าวแนะนำ