โลกร้อนเร่งกัดเซาะชายฝั่ง ทวีป “ยุโรป” เสี่ยงเสียหายหนัก

ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ระบบนิเวศ และชุมชนต่าง ๆ มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีดินอ่อน นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากการก่อสร้างและการพัฒนาชายฝั่ง เช่น การสร้างท่าเรือและอาคาร อาจส่งผลให้เกิดการกัดเซาะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการไหลของน้ำและการแทรกแซงธรรมชาติ

ในยุโรป ประเทศที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมากที่สุด ได้แก่ สหราชอาณาจักรโดยเฉพาะชายฝั่งตะวันออก ซึ่งมีอัตราการกัดเซาะสูงมาก โดยเฉพาะในพื้นที่เช่น Norfolk และ Suffolk ซึ่งการกัดเซาะเกิดขึ้นในบางแห่งเร็วถึง 2 เมตรต่อปี ทำให้ชุมชนและโครงสร้างพื้นฐานเสี่ยงต่อความเสียหาย

ตามมาด้วยฝรั่งเศส ขณะนี้ชายฝั่งในหลายพื้นที่ของฝรั่งเศสก็เผชิญกับการกัดเซาะ โดยเฉพาะในบริเวณภูมิภาคนอร์มังดี (Normandy) ซึ่งการกัดเซาะในพื้นที่เหล่านี้มีผลกระทบต่อทั้งที่ดินและชุมชนท้องถิ่น

และที่อิตาลีก็เผชิญปัญหาการกัดเซาะ โดยเฉพาะชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณ Veneto และ Emilia-Romagna (เอมีเลย โรมัญญา) ซึ่งมีชายหาดที่มีชื่อเสียง เช่น ริเวียร่าของอิตาลี พื้นที่เหล่านี้เผชิญกับการกัดเซาะอย่างรุนแรงเนื่องจากการพัฒนาเมืองและการท่องเที่ยว ทำให้เกิดความเสียหายต่อที่ดินและระบบนิเวศชายฝั่ง

นอกจากนี้ที่ไอร์แลนด์ ยังมีเรื่องราวที่น่าหดหู่ของคู่สามีภรรยาชาวไอริช ที่กำลังวิตกกังวลว่า อาจต้องสูญเสียบ้านเก่าแก่กว่า 200 ปีไปจากการกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรงขึ้นทำให้ทะเลเข้ามาใกล้ประตูบ้านของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ศาสตราจารย์คอนอร์ มาร์ฟี่ จากมหาวิทยาลัยเมย์นูธ ซึ่งทำการวิจัยในพื้นที่กล่าวว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในอัตราการกัดเซาะในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยระดับน้ำทะเลในพื้นที่นี้สูงขึ้น 20 เซนติเมตรตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

สำหรับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาของมนุษย์ ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม แต่สามารถลดกระทบด้วยการหามาตรการป้องกัน เช่น การสร้างเขื่อนและฟื้นฟูชายฝั่ง ซึ่งวิธีที่เหมาะสมก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นที่และปัจจัยทางธรรมชาติอื่นๆด้วย