"ไฟป่าแอลเอ" ยังวิกฤต คาด "ลมแรง" รอบใหม่ทำไฟลามอีก

สถานการณ์ไฟป่าในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในพื้นที่กำลังเผชิญกับอุปสรรคครั้งใหญ่ในการดับไฟป่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศเตือนว่า กระแสลมแรงที่อันตรายเป็นพิเศษ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลอสแอนเจลิส อาจทำให้ไฟลุกลามขึ้นอีก 

ลมที่พัดมาจากทิศตะวันออกหรือตะวันออกเฉียงเหนือ อาจมีความเร็วลมสูงสุด 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยลมแรงที่สุดจะเคลื่อนตัวไปตามเนินเขาและหุบเขาบางแห่ง ทางตอนเหนือและตะวันออกของลอสแอนเจลิส รวมถึงเขตเวนทูรา และลอสแอนเจลิส 

ภาพ: ไฟป่ากำลังโหมไหม้บ้านเรือน

คำเตือนสภาพอากาศ “ธงแดง” สำหรับกระแสลมแรง 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น หมายความว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไฟป่าขนาดใหญ่ พร้อมกับลุกลามอย่างรวดเร็วมาก และไฟป่าโหมกระหน่ำรุนแรง ขณะที่ประชาชนในพื้นที่อื่น ๆ ของลอสแอนเจลิส ได้รับการแจ้งเตือนให้อยู่แต่ภายในบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่นและเถ้าถ่านจากไฟป่า 

ส่วนไฟป่าขนาดใหญ่ 2 แห่ง และขนาดเล็กอีก 2 แห่ง ยังคงลุกลามต่อเนื่อง โดย “ไฟป่าพาลิเสดส์” ซึ่งเป็นไฟป่าขนาดใหญ่ที่สุด เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 58,190 ไร่ และควบคุมได้เพียงร้อยละ 14 เท่านั้น 

ขณะเดียวกันสำนักงานป่าไม้และป้องกันไฟป่าแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ปัจจุบันยังมีไฟป่าทั้งขนาดใหญ่และเล็ก เกิดขึ้นทั่วแคลิฟอร์เนียถึง 124 จุด เพิ่มจาก 105 จุดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ความพยายามของสำนักงานดับเพลิงท้องถิ่นในการควบคุมไฟป่ามีความคืบหน้าอย่างล่าช้า 

ในพื้นที่ลอสแอนเจลิส ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 24 ราย รวมพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาผลาญแล้วเกิน 164 ตารางกิโลเมตร สิ่งปลูกสร้างและอาคารบ้านเรือนมากกว่า 12,300 หลังถูกทำลาย 

ในบรรดาไฟป่าขนาดใหญ่ ๆ ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ “ไฟป่าเฮิร์สต์” (Hurst) ที่มีขนาดเล็กกว่านั้นถูกควบคุมได้แล้วร้อยละ 95 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3.2 ตารางกิโลเมตร ส่วน “ไฟป่าอีตัน” (Eaton) ซึ่งเป็นไฟป่าที่ใหญ่เป็นอันดับสองนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดเมื่อเทียบกับวันก่อน ซึ่งยังคงครอบคลุมพื้นที่ 57 ตารางกิโลเมตร แต่ควบคุมได้แล้วร้อยละ 33 ขณะที่ ไฟป่าที่ใหญ่ที่สุด คือ “ไฟป่าพาลิเสดส์” ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยพื้นที่ที่ถูกเผาไหม้มีประมาณ 96 ตารางกิโลเมตร และควบคุมได้แล้วเพียงร้อยละ 14 

เมืองลอสแอนเจลิส เคาน์ตี้ อพยพประชาชนแล้ว 150,000 คน และกว่า 700 คนพักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ทางการท้องถิ่นเตือนว่า แม้จะดับไฟได้ในบางพื้นที่แล้ว แต่สถานที่เหล่านี้ยังคงไม่ปลอดภัย และประชาชนทั่วทั้งภูมิภาคควรเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพที่อาจเกิดขึ้น

สำนักงานสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ หรือ NWS คาดการณ์ว่า มีโอกาสสูงที่จะเกิดไฟป่าในพื้นที่ภูเขาและเนินเขาโดยรอบลอสแอนเจลิส เนื่องจากผลกระทบจากความชื้นต่ำและลมแรง “ซานตา อานา”ทำให้เปลวไฟอาจลุกลามอย่างรวดเร็วในบางพื้นที่ โดยในบางพื้นที่ของแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ความเร็วลมอาจสูงถึง 70 ถึง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่ระดับความชื้นจะยังต่ำเพียงร้อยละ 8 ถึง 15 ปัจจุบันนี้ พื้นที่ลอสแอนเจลิส อยู่ภายใต้คำเตือนภัยไฟป่า สีแดง ซึ่งจะยังคงมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันพุธนี้

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แถลงว่า จำเป็นต้องทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อฟื้นฟูลอสแอนเจลิส หลังจากเกิดไฟป่าหลายจุดทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยไบเดนให้คำมั่นว่า รัฐบาลกลางจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ และจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับค่าล่วงเวลาของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง การกำจัดเศษซาก และที่พักชั่วคราวตลอด 180 วันข้างหน้า นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้รัฐสภาจัดสรรเงินทุนที่จำเป็นสำหรับความพยายามในการฟื้นฟูอีกด้วย

ขณะที่ “โกลด์แมน แซคส์” (Goldman Sachs) ประเมินว่า ไฟป่าที่ยังคงโหมไหม้อย่างรุนแรงในลอสแอนเจลิสเคาน์ตี มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในสหรัฐฯ ไม่มากนัก แม้ว่าไฟป่าครั้งนี้จะถือเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ก็ตาม

นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมนคาดการณ์ว่า การขยายตัวของการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนม.ค.จะลดลง 15,000-25,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจุบันมีประชากรแคลิฟอร์เนียเพียงร้อยละ 0.5 เท่านั้นที่ได้รับคำสั่งหรือคำเตือนให้อพยพ

โกลด์แมนคาดว่า ไฟป่าจะทำให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 1/2568 ลดลงประมาณร้อยละ 0.2 และคาดว่าต้นทุนประกันภัยจะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อมากนัก ด้านนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน (JPMorgan) คาดว่า ไฟป่าครั้งนี้จะส่งผลให้มูลค่าความเสียหายที่มีการทำประกันภัยไว้สูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์

ที่มา: Reuters