วิกฤต “ป่าแอมะซอน” อาจกำลังปล่อยคาร์บอนฯมากกว่าที่ดูดซับ
“ป่าแอมะซอนในประเทศบราซิลถือเป็นหนึ่งในป่าสำคัญของโลกที่มีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลอากาศโลก และดูดซับคาร์บอน แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจกลายเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนมหาศาลเช่นกันหากเกิดไฟป่า”
มีรายงานว่า การเกิดไฟป่าของป่าแอมะซอนในบราซิลกำลังเป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่โลกของเรา เพราะพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของป่าแอมะซอน มีต้นไม้ใหญ่ที่สุด, หนาแน่นที่สุด และมีเรือนยอดไม้ปกคลุมต่อเนื่องมากที่สุด หมายความว่า หากผืนป่าแอมะซอนถูกทำลายโดยไฟป่า หรือการตัดโค่นต้นไม้ ป่าแอมะซอนก็จะกลายเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุดทันที แต่อีกมุมหนึ่งนั้น ถ้าหากอยู่ในสภาวะปกติ ป่าแอมะซอนถือเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนชั้นดีให้กับโลกของเรา เพราะแม้ไฟป่าจากป่าแอมะซอนจะปล่อยคาร์บอนออกมามากก็จริง แต่จากข้อมูลล่าสุดพบว่า ป่าแอมะซอนยังคงดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าที่ปล่อยออกมาอยู่เล็กน้อย ดังนั้นพื้นที่ป่าแอมะซอนจึงสำคัญมากที่จะรักษาไว้
ซึ่งถ้าหากดูสถิติการตัดไม้ทำลายป่าในป่าแอมะซอน จะพบว่านับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา พื้นที่ป่าถูกทำลายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพุ่งสูงมากที่สุดคือ ปี2565 พบว่าพื้นที่ป่าถูกทำลายไปมากถึง 10,573 ตารางกิโลเมตร รองลงมาคือในปี 2564 ที่ถูกทำลายไป 10,362 ตารางกิโลเมตร นับเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีสัญญาณดี เพราะพบว่าปีที่แล้ว คือปี 2566 การตัดไม้ทำลายป่าแอมะซอนของบราซิลถูกทำลายไป 7,952 ตารางกิโลเมตร ลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 42.5% แต่ถึงแม้จะลดลง ก็ถือว่ายังเป็นตัวเลขที่หลายฝ่ายมองว่ายังสูงอยู่ดี และคาดหวังว่าถึงเวลาที่ควรจะปกป้องป่าแอมะซอนอย่างจริงจัง เพราะ ป่าแอมะซอนนั้นช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำลายชั้นบรรยากาศโลกเฉลี่ยปีละกว่า 1,200 ล้านตัน และยังช่วยผลิตออกซิเจนให้กับโลกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีไม้ยืนต้นมากกว่า 390,000 ล้านต้น และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตมากกว่า 16,000 สายพันธุ์
และสำหรับปีนี้ ก็ยังมีสัญญาณดีเกิดขึ้นเพราะพบว่าตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงประมาณกลางปี แนวโน้มการตัดไม้ทำลายป่าแอมะซอนในประเทศบราซิลลดลงอีก ซึ่งนับว่าเป็นผลสำเร็จของนโยบายประธานาธิบดีลูลาของบราซิล ที่พยายามฟื้นฟูเรื่องป่าแอมะซอนและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
ข่าวแนะนำ