กทม.เอาจริง ลด "ฝุ่นพิษ" ห้ามรถบรรทุกเข้ากทม.ชั้นใน และขอให้ Work From Home เพิ่มขึ้น
"กรุงเทพมหานคร" เตรียมเปิดให้ผู้ประกอบการที่มีรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ลงทะเบียนทำ "บัญชีสีเขียว" เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ารถได้ผ่านการตรวจเช็คสภาพ พร้อมจะประกาศเขตควบคุมฝุ่น
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน และผู้แทนจากกรมควบคุมมลพิษ รวมถึง ผู้แทนจากกรมการขนส่งทางบก และภาคีเครือข่าย ประชุมหารือแนวทางในการรับมือแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งปีนี้ได้ยกระดับความเข้มข้นขึ้นหลายมาตรการ
เช่น ประกาศเขตมลพิษต่ำ (Bangkok Low Emission Zone) ห้ามรถบรรทุก 6 ล้อ เข้าพื้นที่ชั้นใน คือ วงแหวนรัชดาภิเษก และวงแหวนกาญจนาภิเษก ภายใต้พื้นที่บังคับใช้จำนวน 9 เขต ประกอบด้วย เขตดุสิต พญาไท พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ คลองสาน สาทร ปทุมวัน บางรัก และแนวถนนต่าง ๆ โดยจะประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เมื่อค่าฝุ่น อยู่ในระดับสีแดง 5 เขต หรืออยู่ในระดับสีส้ม เกิน 15 เขต กำหนดระยะเวลาห้าม 3 วัน
นายชัชชาติ ระบุว่า การจะห้ามรถบรรทุก 6 ล้อเข้าพื้นที่ชั้นใน ไม่ได้ห้ามทุกคัน จะห้ามคันที่มีเครื่องยนต์ดีเซล ต่ำกว่ามาตรฐานยูโร 5 เนื่องจากกว่าร้อยละ 40 ฝุ่น PM 2.5 มาจากเครื่องยนต์ดีเซล แต่หากผู้ประกอบการที่มีรถบรรทุก 6 ล้อ ต้องการเข้าพื้นที่จะต้องมาขึ้นทะเบียนกับกรุงเทพมหานคร ทำ “บัญชีสีเขียว” พร้อมนำหลักฐานมายืนยันว่ารถได้ผ่านการตรวจเช็คสภาพ เปลี่ยนไส้กรอง ถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว กทม.จึงจะอนุญาตให้เข้าพื้นที่ได้
ขณะเดียวกันได้เพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องไส้กรอง ในราคาถูก โดยร่วมกับกระทรวงพลังงาน และภาคเอกชนสานต่อโครงการรถคันนี้ลดฝุ่น
ตั้งเป้าปีนี้จะให้มีรถเข้าร่วมโครงการตรวจเช็คสภาพ ถ่ายน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไส้กรอง 5 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2 เท่า โดยปีที่แล้วมีรถเข้าร่วมโครงการ 2 แสน 6 หมื่น 5 พันกว่าคัน ช่วยลดฝุ่น ได้ร้อยละ 13
ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานคร ยังให้ความสำคัญกับนโยบายทำงานที่บ้าน หรือ work from homeโดยขอความร่วมมือจากภาคเอกชน ให้ประกาศทำงานที่บ้านทันทีหากค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานเกิน 5 เขต ต่อเนื่อง 2 วัน
ล่าสุดมีบริษัทภาคเอกชนเข้าร่วมโครงการกว่า 151 หน่วยงาน พนักงานรวมกว่า 6 หมื่นคน ปีนี้ตั้งเป้าอยากให้มีหน่วยงานมาเข้าร่วมเพิ่มกว่าเดิม หรือให้มีพนักงานที่จะได้รับการทำงานที่บ้าน หากค่าฝุ่นพุ่งสูง ประมาณ 2 แสนคน
ทั้งนี้จากการติดตามข้อมูลสภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์ว่าปีนี้สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะไม่รุนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา
ข่าวแนะนำ